คนไทยบางคนคงจะเชื่อว่า โลกแบน เป็นแน่เลยนะฮ้า...

เพื่อไทยปิดปราศรัยใหญ่ ราชมังคลากีฬาสถาน 1 ก.ค.2554 ครบทุกๆท่านทุกๆคน...



ขนาดโดนรุมรังแกผู้หญิงตัวเล็กๆคนนี้จากหลายด้าน เธอก็ยังยิ้มได้ ว่าที่นายกหญิงคนนี้ นิ่งได้ใจจริงๆ ทำไมเธอก็ยังมาดนิ่ง ไม่ตอบโต้ ไม่ใส่ร้าย พูดแต่นโยบายล้วนๆๆ สุดยอด เหมาะที่จะเป็นนายกหญิงของประเทศไทยแห่งการปรองดองที่สุดแล้ว...


คนไทยบางคนคงจะเชื่อว่า โลกแบน เป็นแน่เลย
นะฮ้า...
By: นางฟ้านะยะ

มันไม่ต่างอะไรกับคนยุคโบราณที่เชื่อว่าโลกแบน เพราะการขาดความเข้าใจ ขาดความรู้ และเชื่อในตัวนักปราชญ์ในอดีตที่ชื่อ อริสโตเติ้ล มากเกินไปโดยไม่ยอมฟังเหตุผล และหลักฐาน จนทำให้นายกาลิเลโอ ที่พูดความจริงด้วยเหตุผลว่าโลกกลมนั้นต้องเสียชีวิตเพราะความเขลาของคนยุคนั้นมาแล้ว

วันนี้ก็เช่นกัน

ค่าแรง 300 บาท จะทำได้หรือ?

one tablet one child จะทำได้หรือ?

โครงการสร้างเขื่อนกันน้ำท่วม จะทำได้หรือ?

ฯลฯ

คิดแต่ในแง่ร้ายเพียงอย่างเดียว โดยไม่คำนึงถึงว่า คนที่พูดนโยบายเหล่านี้ออกมานั้น เขาเคยทำสิ่งที่คนไทยไม่เชื่อว่าจะทำได้มาหลายอย่างแล้ว อาทิเช่น

กรุงเทพฯเป็นที่ลุ่ม ไม่สามารถสร้างรถไฟใต้ดินได้ เพราะเจาะอุโมงค์ลงไปจะเจอแต่ตาน้ำ หรือเวลาน้ำท่วมจะทำอย่างไร???

แล้ววันนี้ ทำไมเรามีรถไฟใต้ดิน โดยไม่เคยเจอปัญหาอย่างที่เคยถูกล้างสมองกันมา

หนองงูเห่า ชื่อก็บอกแล้วว่าเป็นหนองน้ำ การไปสร้างสนามบินที่บริเวณนั้น จะทำให้รันเวย์ทรุด

แล้ววันนี้ ทำไมเรายังใช้สนามบินหนองงูเห่าที่ได้รับพระราชทานนามว่าสนามบินสุวรรณภูมิ โดยไม่มีปัญหา

30 บาทรักษาทุกโรคไม่มีทางทำได้ เพราะรัฐบาลไม่มีทางจะหาเงินมากมายมหาศาลขนาดนั้นมาชดเชยกับทางโรงพยาบาลได้

แล้ววันนี้ ทำไมโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคยังใช้ได้จนจวบทุกวันนี้

โครงการกองทุนหมู่บ้าน ใช้เงินไปกว่า 70,000 ล้านบาท ประชาชนมีแต่จะกู้ไปซื้อของฟุ่มเฟือย อีกหน่อยก็กลายเป็นหนี้สูญ

แล้ววันนี้ ทำไมเงินในกองทุนหมู่บ้านจึงงอกเงย มีเงินในกองทุนเพิ่มพูนมากขึ้น อีกทั้งยังสามารถช่วยเหลือชาวบ้านในชนบทไม่ต้องไปเสียดอกเบี้ยสูงๆกับนายทุนขูดรีดอีกด้วย

รัฐบาลออกหวยบนดิน อาจจะเจ๊งก็เป็นได้ หากมีการแทงเลขใดเลขหนึ่งมากเป็นพิเศษ

แต่หลังจากการทำมาหลายปี รัฐบาลมีแต่ได้กำไร และยังสามารถเอาเงินกำไรไปส่งเสียให้นักเรียนได้มีโอกาสไปศึกษาต่างประเทศได้อีกด้วย

ฯลฯ

การที่พรรคเพื่อไทยพูดนโยบายอะไรออกมานั้น ประชาชนจึงเชื่อ ก็เพราะเคยได้เห็นผลงานมาก่อนหน้านี้ที่เคยทำได้มาแล้วต่างหาก

และมันเป็นเรื่องเศร้าที่คนไทยยุคนี้ บางคนยังไม่ยอมเชื่อในหลักฐานและเหตุผลของคนที่มีความสามารถและมีผลงานเป็นเครื่องยืนยันอย่างคุณทักษิณ

แต่กลับยึดติดกับคำพูดของนักพูดจอมลวงโลกจนได้ฉายาว่า"ดีแต่พูด"อย่างนายมาร์คหัวหน้าพรรคแมลงสาปกันอยู่อีกได้ ทั้งๆที่ตลอดเวลาในการบริหารประเทศมา 2 ปีกว่า ยังไม่เคยทำได้ตามที่พูดเอาไว้มาก่อนได้แม้แต่เรื่องเดียว

การที่จะมาตอบกระทู้ให้กับคนที่เชื่อว่าโลกแบนนั้น มันเป็นเรื่องที่เสียเวลาและสุขภาพจิตเป็นอย่างยิ่ง

ผลการเลือกตั้งในวันที่ 3 ก.ค. ที่จะถึงนี้ ก็จะรู้ว่ามีคนไทยจำนวนเท่าไรที่ยังเชื่อว่าโลกแบน โดยไม่ฟังเหตุผลใดๆทั้งสิ้น ให้ดูผลคะแนนของพรรค ปชป. นี่แหละฮ้า


ไทยจัดงานเลี้ยงกรรมการมรดกโลก และ
ภาคีสมาชิก
สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์
วันที่ข่าว: 21 มิถุนายน 2554 ผู้สื่อข่าว: กรรณิกา แก้วใส Rewriter: ธนวัต วงศ์วิริยะวณิช

กรรมการมรดกโลก และภาคีสมาชิก ให้การตอบรับร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำซึ่งคณะผู้แทนไทยเป็นเจ้าภาพจัดเลี้ยง เพื่อแสดงความพร้อมในการเสนอตัวจัดการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ครั้งที่ 36 ขณะที่คนไทยในฝรั่งเศสเรียกร้องให้รัฐบาลชี้แจงข้อเท็จจริงในเวทีโลกให้มากยิ่งขึ้น

กรรมการมรดกโลกและภาคีสมาชิกมากกว่า 200 คน ได้เดินทางร่วมงานเลี้ยงรับรองที่ประเทศไทยจัดขึ้นระหว่างการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกครั้งที่ 35 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส โดยมีกรรมการมรดกโลกจาก 21 ชาติมาร่วมงานเกือบครบทั้งหมด ภายในงานบรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่นและเป็นกันเอง ซึ่งคณะผู้แทนไทยได้นำเสนอศิลปวัฒนธรรม อาหารไทย และมีการเปิดวิดีทัศน์นำเสนอความสวยงามทางธรรมชาติของไทย เพื่อแสดงถึงความพร้อมและศักยภาพในการที่ไทยเสนอตัวจัดการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ครั้งที่ 36

นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าคณะผู้แทนไทย เปิดเผยว่า จะใช้โอกาสนี้ในการพบปะพูดคุยกับภาคีสมาชิกและกรรมการมรดกโลก ไม่เฉพาะแต่เรื่องของการขอเสียงสนับสนุนให้ไทยเป็นเจ้าภาพในการประชุมครั้งหน้าเท่านั้น แต่ยังมีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นที่ไทยคัดค้านการเสนอแผนบริหารจัดการปราสาทพระวิหารของกัมพูชา โดยส่วนใหญ่มีความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่าอยากให้ไทยและกัมพูชาหาทางออกที่ดีร่วมกัน เพราะถือว่าเป็นประเทศเพื่อนบ้าน

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้นายสุวิทย์ ได้เปิดเวทีชี้แจงให้คนไทยในฝรั่งเศสรับทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับปัญหาไทย-กัมพูชาที่เกิดขึ้นและเปิดโอกาสให้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในฐานะที่เป็นคนไทยที่อาศัยอยู่ในฝรั่งเศส ซึ่งถือว่าฝรั่งเศสมีความเชื่อมโยงกับปัญหาข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ซึ่งคนไทยในฝรั่งเศสต่างแสดงความคิดเห็นที่ตรงกัน โดยยกตัวอย่างการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนในฝรั่งเศส ที่มักจะเอนเอียงไปในฝั่งของกัมพูชา เนื่องจากได้รับข้อมูลจากกัมพูชาก่อน ในขณะที่ข้อมูลของฝั่งไทยมักจะถูกมองว่าเป็นการแก้ไข จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลไทยชี้แจงในเวทีโลกให้มากขึ้น

หึหึ...อุตส่าห์ลงทุนจัดเลี้ยง นึกว่าจะลอบบี้ฝรั่งได้ สุดท้ายเค้าถือหลักสากล ตัวเองทนรับไม่ได้ งอล...ตุ๊บป่อง เดินเชิดออกมาซะงั้น...

อีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมา กระทรวงการต่างประเทศ ได้ประกาศว่า นายสุวิทย์ไม่มีสิทธิถอนตัวจากคณะกรรมการมรดกโลก การถอนตัวจะทำได้ต้องมีหนังสือจากรัฐบาลไทยเป็นทางการถึงยูเนสโก ฉะนั้น อย่างมากที่นายสุวิทย์ทำไปก็คือ การวอล์คเอ๊าท์ ไม่ใช่ถอนตัวอย่างที่เข้าใจกัน แม้จะมีข่าวต่อมาว่า ครม. อนุมัติเห็นชอบกับการถอนตัวจากกรรมการมรดกโลกของนายสุวิทย์ ก็ตาม

แต่ แต่ อ้า อ้า ช้าไปแล้วต๋อย กระทรวงบัวแก้ว ถนนศรีอยุธยา ได้ย้ำต่อมาว่า การถอนตัวจากกรรมการมรดกโลกต้องกระทำโดยรัฐบาลใหม่ เพราะนี่คือ เรื่องสำคัญที่รัฐบาลรักษาการทำไม่ได้ ต้องรอรัฐบาลใหม่ !!!!!!

คลิกที่นี่...เพื่อดูภาพขนาดที่ใหญ่ขึ้น

เราจะทำเพื่อคนไทยทุกคน ไม่ได้ทำเพื่อคนๆเดียว มาร์คทำได้สุดยอดเลยนะฮ้า...
By: นางฟ้านะยะ

พรรค ปชป. พยายามจะบอกกับประชาชนว่า นักการเมืองต้องทำเพื่อประชาชนทั้งประเทศ ไม่ใช่ทำเพื่อคนๆเดียว

ซึ่ง 2 ปีกว่าที่ผ่านมา คนไทยทั้งประเทศนั้นซาบซึ้งกับผลงานของพรรค ปชป. จนลืมไม่ลงเลยทีเดียว

จากหนี้ต่อหัวแค่ 40,000 บาท พรรค ปชป. สามารถทำให้หนี้พุ่งเป็น 7 หมื่นกว่าบาทต่อหัวได้ภายใน 2 ปี คนไทยเป็นหนี้กันถ้วนหน้าอย่างเท่าเทียมกันทุกคน

จากประเทศไทยส่งออกน้ำมันปาล์ม กลายเป็นต้องชกต่อยกันเพื่อซื้อน้ำมันพืชเพียงขวดเดียว คนไทยทั้งประเทศซื้อน้ำมันพืชได้ทีละขวดอย่างเท่าเทียมกัน

จากยาเสพติดที่หดหายไปตอนที่ทักษิณกวาดล้างครั้งใหญ่ กลายเป็นหาซื้อได้ง่าย จนเยาวชนทั้งประเทศติดยากันงอมแงม สามารถหาซื้อได้ง่ายอย่างเท่าเทียมกันทั้งประเทศ

จากบัตรประชาชนที่ทำเสร็จภายใน 5 นาที กลายเป็นต้องมาถือใบเหลืองเท่าเทียมกันทั้งประเทศไม่ว่ายากดีมีจน

จากราคาน้ำมันที่ราคาตลาดโลกสูงอยู่แล้ว แต่รัฐบาลกลับเอาภาระการอุ้มน้ำมันดีเซลไปให้คนใช้น้ำมันเบนซิน โดยที่รัฐบาลยังเพิ่มภาษีสรรพสามิตเข้าไปอีกเพื่อนำเงินมาใช้จ่ายในโครงการไร้วิสัยทัศน์ทั้งหลายแหล่ จนคนใช้น้ำมันทั้งประเทศต้องจ่ายค่าน้ำมันแพงขึ้นอย่างเท่าเทียมกัน

ค่าไฟฟ้าฟรี 90 หน่วยแรก ซึ่งคนใช้น้อยไม่ต้องจ่าย โดยที่รัฐบาลเอาภาระนี้โยนไปให้ประชาชนที่ใช้เกินกว่า 90 หน่วยทั้งหมดแบกรับแทน ทำให้ครอบครัวคนไทยที่เปิดแอร์ในบ้านทั่วทั้งประเทศต้องจ่ายค่าไฟแพงขึ้นอย่างเท่าเทียมกัน

มาร์คไม่ได้ทำเพื่อคนๆเดียว มาร์คทำเพื่อประชาชนทั้งประเทศให้เดือดร้อนได้เก่งจริงๆ

ใครอยากจะให้มาร์คทำเพื่อประชาชนทั้งประเทศแบบนี้ต่อไป เลือกเบอร์10 อีกรอบนะฮ้า

"ประชานิยม" กับ "รัฐสวัสดิการ" ความเหมือนที่แตกต่างกันนะฮ้า...

Playlist เลือกดูได้... ณัฐวุฒิVSชำนิ, มิ่งขวัญ, ณัฐวุฒิ สิงห์บุรี2-06-54, ณัฐวุฒิ นนทบุรี3-06-54, เฉลิม,เชาวรินทร์,หมวดเจี๊ยบ,ณัฐวุฒิ บ่อหลา บางแค3-06-54, ดร.อภิวันท์,ณัฐวุฒิ,ยิ่งลักษณ์ ชลบุรี4-06-54, ณัฐวุฒิแถลงข่าว3-06-54, ก็ป้าเค้าแดงตัวจริง มาร์คเอ๊ย!!, สรยุทธสัมภาษณ์ หญิงเหล็กยิ่งลักษณ์9-06-54, ณัฐวุฒิ,เฉลิม,อภิวันท์,ยิ่งลักษณ์ ท่ามะกา 11 06 54, และอีกเยอะแยะ...

"ประชานิยม" กับ "รัฐสวัสดิการ" ความเหมือนที่แตกต่างกันนะฮ้า...
By: นางฟ้านะยะ

ความจริงสิ่งที่ทักษิณพยายามทำคือ "รัฐสวัสดิการ" แต่กลับไปเรียกว่า "ประชานิยม"

ส่วนสิ่งที่นายมาร์คทำนั้น จึงจะเรียกว่า "ประชานิยม" ถึงจะถูกต้อง

เพราะนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคนั้น คือการที่รัฐเอาเงินภาษีของประชาชนนั่นแหละ มาดูแลประชาชน

ส่วนนโยบายแจกเงินคนละ 2,000 บาทนั้น จึงจะเรียกว่าประชานิยม เพราะแจกจ่ายไม่ทั่วถึง อีกทั้งยังต้อง"กู้"เงินมาแจกอีกด้วย

มันจึงเป็นความเหมือนที่แตกต่าง

เพียงแต่คนที่เกลียดทักษิณนั้น พยายามจะโยงให้มันเป็นเรื่องประชานิยมให้ได้ ทั้งๆที่เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ดีที่ควรจะเอาเงินภาษีมาดูแลความทุกข์สุขของประชาชน เพราะเป็นผู้เสียภาษี

ยิ่งประเทศไทยเรานั้น ใช้ระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม นั่นหมายถึงว่า ทุกคนในประเทศไทยนั้น ไม่มีผู้ใดที่ไม่เสียภาษี ขึ้นอยู่กับว่าต้องจ่ายภาษีทางตรงหรือทางอ้อมเท่านั้น

ดังนั้น สิ่งที่ทักษิณบริหารเงินภาษีโดยเอามาทำเรื่อง 30 บาทรักษาทุกโรคเป็นอันดับแรกนั้น ก็คือการเอาเงินภาษีมาดูแลประชาชนนั่นเอง

เพราะถ้ารัฐบาลใดรู้จักการดูแลสวัสดิการขั้นพื้นฐานให้ประชาชนพอใจได้ ประชาชนก็จะยินดีที่จะเสียภาษี มันเป็นหลักง่ายๆเท่านั้นเอง

ดูได้จากการเริ่มต้นโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคนั้น ความจริงก็ไม่สามารถรักษาได้ครบทุกโรค สามารถรักษาได้แต่เพียงโรคที่ไม่ร้ายแรงนักเท่านั้น

เมื่อรัฐบาลจัดเก็บภาษีได้เพิ่ม จึงเพิ่มโรคที่รัฐบาลสามารถให้การดูแลรักษาอีกทีหนึ่ง เช่น ผ่าตัดหัวใจ โรคไต ฯลฯ

แต่ทว่า คนที่คิดจะโจมตี ก็จะพูดแต่ว่าเป็นการใช้เงินมาซื้อเสียงประชาชน และพยายามจะโยงให้เป็นประชานิยมให้ได้

และทุกวันนี้ รัฐบาลนายมาร์คเองนั้นทำนโยบายประชานิยมยิ่งกว่าแบบไร้วิสัยทัศน์ ไร้เป้าหมาย โดยการกู้เงินมาสนับสนุนโครงการ มันยิ่งทำให้คนบางคนมองนโยบายรัฐกลายเป็นสิ่งที่เลวร้ายไปทั้งหมด

แต่นโยบายของทักษิณนั้น คือการพยายามเอาเงินภาษีที่เก็บได้มาจัดสรรนโยบายต่างหาก มันต่างกันตรงนี้

ฉะนั้น ก่อนที่ทักษิณจะทำนโยบายอะไรออกมา จะต้องมองหาเม็ดเงินก่อนว่า จะเอาเงินจากไหนมาทำนโยบาย

ส่วนนายมาร์คนั้น ตั้งงบกู้เผื่อแบบสูงลิบถึง 800,000 ล้านบาท แล้วค่อยหานโยบายมาใช้ให้มันหมดไปเท่านั้น เงินที่จ่ายไป จึงทำแบบไร้ค่า และสร้างปัญหาตามมาด้วยทำให้ประเทศชาติมีหนี้สินเพิ่มขึ้นอย่างไร้ความจำเป็น

เพียงเพราะต้องการที่จะเลียนแบบ หวังว่าจะได้ใจจากประชาชนเหมือนอย่างที่ทักษิณเคยทำสำเร็จเอาไว้มาก่อน คิดได้เพียงเท่านี้จริงๆ

จึงมีโครงการแปลกๆ เช่น ต้นกล้าอาชีพ แจกเงินคนละ 2,000 บาท หรือการยกเลิกเก็บเงิน 30 บาท ฯลฯ

ดังนั้น ใครที่พยายามจะใช้คำว่า"ประชานิยม"มาโจมตีทักษิณ และบอกว่ามันเป็นสิ่งไม่ดีนั้น จึงเป็นการที่มองโลกในแง่ร้ายเกินไป

รัฐบาลที่ดี คือ ต้องรู้จักการเอาเงินภาษีมาดูแลความทุกข์สุขของประชาชน ซึ่งประเทศพัฒนาแล้วทุกประเทศเขาก็ทำกันแบบนี้

ส่วนรัฐบาลที่เลวนั้น คือ ไปกู้เงินเพื่อมาหว่านเพียงหวังผลว่าประชาชนจะเห็นถึงผลงาน เช่นที่รัฐบาลชุดนี้กำลังทำอยู่

ฉะนั้น สิ่งที่ทักษิณทำ คือพยายามจะเอาเงินภาษีของประชาชนมาเป็นสวัสดิการให้กับประชาชน

แต่มาร์คนั่นแหละ กำลังทำ"ประชานิยม"โดยไม่คำนึงถึงผลเสียที่จะเกิดขึ้น

"รัฐสวัสดิการ"ของทักษิณมันต่างกับ"ประชานิยม"ของนายมาร์คตรงนี้แหละฮ้า



เพราะ"ดีแต่พูด" คะแนนมาร์คเลย"รูดทะราด"
By: นางฟ้านะยะ

ไม่น่าเชื่อ

เพียงแค่ 2 ปีกว่าเท่านั้น

จากนายมาร์คที่ภาพพจน์ดี มีอนาคตไกล กลับกลายเป็นคนที่ถูกประชาชนมองว่าเป็นคน"ดีแต่พูด"ไปได้

ก็เพราะประสบการณ์ด้านการเมืองเยอะ แต่ประสบการณ์ด้านการบริหารนั้นไม่มี ทั้งชีวิตมีแต่คนอุ้มชู วางแผนให้เดิน มันเลยเป็นแบบนี้

สมแล้วที่ลุงหมักที่ถือว่าเป็นคนที่มีประสบการณ์ชีวิตที่สูงมากจะตั้งฉายาให้ว่า"มะม่วงจำบ่ม"เมื่อคราวที่มาร์คลงสนามการเลือกตั้งแข่งกับพรรคพลังประชาชนที่เพิ่งจะตั้งขึ้นมา

เพราะความจริง ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น มันไม่ใช่ที่ใครๆก็สามารถจะมาเป็นได้

นอกจากจะต้องมีความสามารถในการควบคุม สส. ที่แต่ละคนนั้นขึ้นชื่อว่าเป็น เสือ สิงห์ กระทิง แรด ให้อยู่หมัดให้ได้แล้ว

ยังต้องมีความสามารถในการวางนโยบายของประเทศว่าจะเดินไปข้างหน้าอย่างไร จึงจะทำให้ประชาชนนั้นอยู่ดีกินดีได้

ตลอดเวลาที่นายมาร์คบริหารประเทศนั้น มีแต่เอาผลประโยชน์ของประเทศชาติเข้าแลกกับการที่ สส. จะยกมือโหวตให้ในสภา เห็นได้ชัดจากการที่เอารัฐมนตรีกระทรวงสำคัญไปให้กับพรรคภูมิใจไทย ซึ่งผิดวิสัยของรัฐบาลในการที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ไปข้างหน้าได้

ทั้งๆที่พรรคตัวเองมี สส. มากที่สุด รัฐมนตรีหลักในการพัฒนาและดูแลเศรษฐกิจกลับไปอยู่ในความดูแลของ สส. พรรคเล็กๆอย่างพรรคภูมิใจไทยได้ แต่มาร์คก็ยอม

มันชี้ให้เห็นว่า รัฐบาลชุดที่ผ่านมานั้น ตั้งขึ้นมาได้จากการแบ่งปันผลประโยชน์ของกลุ่มตัวเองทั้งสิ้น โดยที่ประชาชนที่ไปลงคะแนนนั้น เป็นเพียงสะพานให้พวกเขาก้าวขึ้นไปสู่อำนาจและผลประโยชน์เท่านั้น

มันจึงทำให้ 2 ปีกว่าที่ผ่านมา จึงมีแต่ข่าวโกงกิน คอรัปชั่น ไม่เว้นแต่ละวัน และนายมาร์คก็ไม่กล้าที่จะจัดการอะไรได้อย่างเด็ดขาด กอร์ปกับตัวนายมาร์คเองก็ไม่มีประสบการณ์ในเชิงบริหารมาก่อน จึงตามไม่ทันกับเศรษฐกิจโลกที่มีการแข่งขันด้วยชั้นเชิง ที่ไม่ใช่ว่าทุกๆคนจะอ่านเกมขาดได้ง่ายๆ ผลงานมันจึง"รูดทะราด"อย่างเช่นทุกวันนี้

ฉะนั้น เพียงแค่ 2 ปีกว่าเท่านั้น มันจึงทำลายภาพพจน์นายมาร์คจนหมดสิ้น

และเพียง 2 ปีกว่าเท่านั้น ประชาชนจึงรับไม่ได้กับการบริหารงานที่อ่อนหัด ที่ไม่สามารถแม้แต่จะดูแลเรื่องน้ำมันปาล์มที่ประเทศไทยเป็นประเทศส่งออก ประชาชนกลับต้องไปยืนเข้าคิวซื้อกันทีละขวด หรือการออกนโยบายขายไข่ชั่งกิโล

ยิ่งคนไทยเคยผ่านช่วงที่ทักษิณได้เคยบริหารประเทศมาก่อนแล้ว จึงเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจน

ผลโพลต่างๆที่บอกว่าพรรค ปชป. ตามหลังพรรค เพื่อไทย อย่างรูดทะราด เช่นทุกวันนี้

ก็เพราะประชาชนเขารู้จักการเปรียบเทียบ ชีวิตความเป็นอยู่ที่ย่ำแย่ลงไปทุกวัน สินค้าราคาสูงขึ้นทุกวันโดยที่รัฐไม่สามารถทำอะไรได้เลย

รัฐบาลได้แต่ใช้สื่อที่มีอยู่ ประโคมข่าวว่าตัวเลขเศรษฐกิจดี ในขณะที่ความจริงที่ประชาชนสัมผัสได้จากชีวิตประจำวันนั้น มันต่างกันลิบลับ ประชาชนจึงไม่เชื่อถือ

การที่โพลทุกโพลสำรวจออกมาทุกครั้ง พรรคเพื่อไทยมีคะแนนนำทุกที ก็เพราะพรรค ปชป. บริหารประเทศจนประชาชนทุกคนเห็นด้วยว่าเป็นรัฐบาลที่"ดีแต่พูด"นี่แหละ

นางฟ้าไม่เชื่อในโพล เพราะผลสำรวจของโพลนั้นมันได้แต่รู้คะแนนคร่าวๆเท่านั้น ความจริงอาจจะดีหรือแย่กว่าก็เป็นได้

เพียงแต่ที่แน่นอนที่สุดก็คือ คะแนนนิยมที่อยู่ในโพลนั้น เป็นการสำรวจจากประชาชนที่ให้คำตอบด้วยความบริสุทธิ์ ไม่มีอามิสสินจ้างเหมือนกับการไปลงคะแนน

โพลอาจจะผิดเพี้ยนขึ้นได้ หากคนไปสุ่มสำรวจไม่ถูกต้องเท่านั้น เพียงแต่แปลกใจว่าทำไมทุกโพลจึงออกมาใกล้เคียงกันได้

การที่โพลทุกโพลที่ออกมา พรรค ปชป. แพ้พรรคเพื่อไทยแบบรูดทะราด ก็เพราะมาร์คบริหารประเทศแบบ"ดีแต่พูด"นี่แหละฮ้า

วาทะกรรมที่ใช้ทำลายคนดี “ซุกหุ้น” จากทักษิณ สู่ยิ่งลักษณ์

คลิกที่นี่...หมดปัญญา จะเอาชนะผู้หญิง ถึงกับเล่นบท"เรยา"กันแล้วหรือครับ

Playlist เลือกดูได้... ณัฐวุฒิVSชำนิ, มิ่งขวัญ, ณัฐวุฒิ สิงห์บุรี2-06-54, ณัฐวุฒิ นนทบุรี3-06-54, เฉลิม,เชาวรินทร์,หมวดเจี๊ยบ,ณัฐวุฒิ บ่อหลา บางแค3-06-54, ดร.อภิวันท์,ณัฐวุฒิ,ยิ่งลักษณ์ ชลบุรี4-06-54, ณัฐวุฒิแถลงข่าว3-06-54, ก็ป้าเค้าแดงตัวจริง มาร์คเอ๊ย!!, สรยุทธสัมภาษณ์ หญิงเหล็กยิ่งลักษณ์9-06-54, ณัฐวุฒิ,เฉลิม,อภิวันท์,ยิ่งลักษณ์ ท่ามะกา 11 06 54, และอีกเยอะแยะ...


วาทะกรรมที่ใช้ทำลายคนดี “ซุกหุ้น” จากทักษิณ สู่ยิ่งลักษณ์
By: Nirvana เว็บ IF

ผมไม่ได้เข้ามาแสดงความเห็นนานมากทีเดียว เพื่อนที่เชียงรายได้โทรหาผม บอกว่าให้เขียนอธิบายเรื่องซุกหุ้นที่นำมากล่าวหาคุณยิ่งลักษณ์ เพื่อเผยแพร่ในเว็บ goo-online.net ผมตอบตกลง แต่ขอเวลา 2-3 วัน (ผมไม่ค่อยได้ตามข่าวเพราะปฏิบัติธรรมอยู่ที่เชียงใหม่ แถวชายแดนไทยพม่า)

ก่อนที่ผมจะกล่าวถึงเรื่องข้อกล่าวหาต่อคุณยิ่งลักษณ์ ขอกล่าวถึงเรื่องโดยสรุปก่อน

ก่อนเข้าสู่วงการเมือง ในปี 2543 นายกทักษิณได้โอน-ขายหุ้นของตนให้ลูกและญาติ ทั้งนี้ก็เพื่อให้เป็นไปตามกม.รัฐธรรมนูญปี 2540 ว่าด้วยเรื่องการถือหุ้น เมื่อโอนขายหุ้นแล้วท่านจึงได้เข้าสู่วงการเมือง (พรรคไทยรักไทย) เมื่อปี 2544

ต่อมาในปี 2549 (เดือนมกราคม) ครอบครัวของนายทักษิณได้ขายหุ้นชินคอร์ปฯไปทั้งหมด

เหตุที่ท่านนายกทักษิณได้แนะนำให้ลูกๆขายหุ้นชินคอร์ปฯทั้งหมด ก็เพื่อจะได้หมดข้อครหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน (ราคาขายหุ้นละ 49.25 บาท มูลค่าทั้งหมด 7.6 หมื่นล้านบาท)

หลังการรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 คมช.ได้ตั้ง คตส.เพื่อตรวจสอบทรัพย์สินของนายกทักษิณ ซึ่งนำไปสู่การฟ้องต่อสานฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

ปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2553 สานตัดสินว่าหุ้นบริษัทชินคอร์ปยังคงเป็นกรรมสิทธิ์ของนายกทักษิณ (นายกทักษิณไม่ได้มีการโอน-ขายหุ้นให้ลูกและญาติจริง)

สานได้พิพากษาให้เงินที่ได้จากการขายหุ้นจำนวน 4.6 หมื่นล้านบาทตกเป็นของแผ่นดิน โดยกล่าวหาว่านายกทักษิณเอื้อประโยชน์แก่ธุรกิจบริษัทชินคอร์ปหลายประการ จนทำให้ราคาหุ้นสูงขึ้นเป็นอันมาก

(ปี 2544 ก่อนนายกทักษิณเข้าสู่การเมืองราคาหุ้นน่าจะอยู่แถว 20 บาทต่อหุ้น อันนี้ไม่ค่อยแน่ใจนะครับ เอาเป็นว่าถ้าผิดพลาดก็น่าจะนิดหน่อยเท่านั้น ราคาที่ขายในปี 2549 คือ 49 บาท)

ที่ยึดไปจำนวน 4.6 หมื่นล้าน คิดจากส่วนต่างประมาณ 29 บาท (49–20) คุณด้วยจำนวนหุ้นทั้งหมด

ขอบ่นหน่อย แมร่ง...เอาสมองส่วนไหนมาคิดวะ ราคาหุ้นของบริษัทอื่นๆมันสูงขึ้นในอัตราที่สูงกว่าของบริษัทชินคอร์ปเสียอีก ของชินคอร์ปจาก 20 เป็น 49 สูงขึ้นแค่ 145% เท่านั้น

ของ ปตท.ถ้าจำไม่ผิดไม่น่าจะต่ำกว่า 500% บางบริษัทสูงขึ้นมากกว่า 1,000% ก็ยังมี (ผมเคยวิเคราะห์ไว้หลังจากการตัดสินของสาน ถ้าค้นเจอจะนำมาเสนอต่อไป)

ตอนที่ผมเขียนโต้ข้อกล่าวหาของ คตส. ผมคาดการณ์ล่วงหน้าเหมือนกันว่า สานคงจะตัดสินยึดทรัพย์นายกทักษิณ

จะยึดทรัพย์ได้ก็ต่อเมื่อหุ้นเป็นของทักษิณ สานก็เลยต้องวินิจฉัยว่า นายกทักษิณไม่ได้โอนขายหุ้นให้ลูกและญาติจริง (ถ้าไม่วินิจฉัยแบบนี้ ไม่สามารถจะยึดทรัพย์จากลูกและญาติของนายกทักษิณได้)

คุณยิ่งลักษณ์ไปเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไร?

ในปี 2543 ก่อนที่นายกทักษิณเข้าสู่การเมือง ได้ขายหุ้นให้กับคุณยิ่งลักษณ์ 2 ล้านหุ้น

ตอนนั้นราคาตามมูลค่าที่ตราไว้ (Par Value) เท่ากับ 10 บาท ต่อมาได้มีการแตกหุ้น จาก 1 หุ้นเป็น 10 หุ้น (Par Value = 1 บาท)

เพราะฉะนั้นจำนวนหุ้น (หลังจากแตกหุ้น) ของคุณยิ่งลักษณ์ที่ซื้อจากนายกทักษิณก็คือ 20 ล้านหุ้น ซึ่งถูกกล่าวหาว่าคุณยิ่งลักษณ์ไม่ได้ซื้อจากนายกทักษิณจริง ซึ่งเป็นคำวินิจฉัยของสาน

ต่อมาเมื่อคุณยิ่งลักษณ์ขายหุ้นชินคอร์ปเมื่อปี 2549 ก็เลยถูกกล่าวหาอีกกระทงหนึ่งว่าร่วมมือกับนายกทักษิณแสดงเท็จว่าตนเอง (คุณยิ่งลักษณ์) เป็นคนขายหุ้น 20 ล้านหุ้น

อะไรที่ทำให้สานวินิจฉัยว่าลูกและญาติของนายกทักษิณไม่ได้ซื้อหุ้นจากนายกทักษิณจริง (ผมจะพูดเฉพาะที่เกี่ยวกับคุณยิ่งลักษณ์เท่านั้น ส่วนการโอนขายให้ลูกผมจะไม่ขอกล่าว)

ปี 2543 นายกทักษิณได้มีการแจ้งไปที่ตลาดหลักทรัพย์ว่าขายหุ้นให้คุณยิ่งลักษณ์จำนวน 2 ล้านหุ้น (ต่อมาแตกหุ้นเป็น 20 ล้านหุ้น)

คุณยิ่งลักษณ์จ่ายค่าหุ้นให้นายกทักษิณอย่างไร?

คุณยิ่งลักษณ์ไม่ได้จ่ายค่าหุ้นทั้งหมดให้นายกทักษิณทันที แต่ใช้วิธีผ่อนชำระเป็นงวดๆ เมื่อคุณยิ่งลักษณ์ได้รับเงินปันผลจากหุ้น 20 ล้านหุ้น ก็นำเอาเงินปันผลนั้นไปจ่ายชำระ

วิธีการจ่ายชำระค่าหุ้นแบบนี้แหละครับ ที่สานวินิจฉัยว่า นายกทักษิณไม่ได้โอน-ขายหุ้นให้ลูกและญาติจริง ขอกล่าวซ้ำอีกทีว่าต้องให้คำวินิจฉัยออกมาแบบนี้ ไม่เช่นนั้นจะยึดทรัพย์ไม่ได้

มันก็เลยนำไปสู่เรื่องตลกระดับโลกก็คือ ราคาหุ้นของชินคอร์ปที่เพิ่มขึ้นเกิดจากการทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวงของนายกทักษิณ ชาวต่างชาติได้ยินเรื่องนี้พากันอสุจิเคลื่อนออกมาโดยไม่รู้ตัว

ความเห็นผม ถ้าคุณยิ่งลักษณ์ไม่แสดงเงินปันผลเป็นรายได้ในการเสียภาษี ก็อาจจะพอนำเป็นเหตุผลในการวินิจฉัยเช่นนั้นได้ แต่ก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เพราะคุณยิ่งลักษณ์เป็นผู้ถือหุ้น เงินปันผลจะจ่ายในชื่อคุณยิ่งลักษณ์ซึ่งจะมีการหักภาษี ณ ที่จ่าย 10%

ผมเคยเขียนกระทู้ลงในหลายเว็บไซต์เรื่อง “ความผิดพลาดในคำพิพากษายึดทรัพย์” ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจน เพราะเป็นการพิสูจน์ความผิดพลาดด้วยตัวเลข ถ้าผมค้นหาเจอจะนำมาเสนอท่านต่อไป (ถ้ากระทู้ยังไม่หล่นไปเสียก่อน)

ถึงตรงจุดนี้ผมอยากให้ทุกคนอ่านเรื่องความเป็นมาของวาทะกรรม “ซุกหุ้น” (ใน post ถัดไป) ซึ่งนำมาจากไฟล์หนังสือ “โต้ข้อกล่าวหาของ คตส.ที่ใช้ในการยึดทรัพย์ทักษิณ” ความยาว 79 หน้า โดยรวบรวมจากบทความที่ผมเขียนไว้ในเว็บไซต์ newskythailand konthaiuk prachatai

ผมตั้งใจไว้เหมือนกันว่าจะนำเอาข้อเขียนที่เกี่ยวกับเรื่องยึดทรัพย์หลังจากที่มีคำพิพากษาออกมาแล้ว นำมารวมไว้เป็นไฟล์เดียวกัน แล้ววางลิงค์ให้ download ตั้งใจว่าจะให้เสร็จอย่างช้าไม่เกินกลางเดือนกรกฎาคม

เพื่อทุกคนจะได้นำไปอธิบายให้คนรอบข้างได้รับรู้ข้อเท็จจริงต่างๆ ทุกคนจะได้เลิกข้องใจเสียทีว่า ทักษิณทุจริตจริงหรือเปล่า เพราะแม้แต่ฝ่ายประชาธิปไตยบางคนยังกล่าวเลยว่า

“แม้ว่าทักษิณจะทุจริต แต่ก็รับได้เพราะทำให้ประเทศเจริญ เงินทองคล่องตัว”

เมื่อคนไทยส่วนใหญ่เข้าใจดีแล้ว อัศวินดาวเทียมของเราก็จะกลับมาไทยอย่างยิ่งใหญ่

ลิงค์ไฟล์หนังสือ “โต้ข้อกล่าวหาฯ” ช่วยนำไปเผยแพร่ด้วย...คลิกที่นี่...

ก่อนที่ท่านจะไปอ่าน “ซุกหุ้น” ผมอยากให้ท่านลองคิดปัญหานี้ก่อนครับ

นาย A และ นาย B เริ่มเข้าเป็นนักการเมือง

นาย A มีเงินสดฝากธนาคารทั้งหมด 100 ล้าน แต่แสดงในรายงานทรัพย์สินว่ามี 80 ล้าน

นาย B มีเงินสดฝากธนาคารทั้งหมด 80 ล้าน แต่แสดงในรายงานทรัพย์สินว่ามี 100 ล้าน

คำถามก็คือ ใครตั้งใจจะเข้าไปทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวง นาย A? หรือ นาย B?

ก็ป้าเค้าแดงตัวจริง มาร์คเอ๊ย!!

คลิกที่นี่... คุณปู เยี่ยมมัสยิด-ป่าโมกตีกล่อง-ลุยท้องนาบางกะปิ

ก็ป้าเค้าแดงตัวจริง มาร์คเอ๊ย!!

6มิ.ย.54 ชุมชนกระทุ่มเสือปลา ซอยอ่อนนุช67 : ผู้หญิงสูงอายุถามนายอภิสิทธิ์ว่า "ทำไมสั่งทหารออกมาฆ่าประชาชน" นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่มีใครสั่งให้ทหารฆ่าประชาชน และทราบหรือไม่ว่าใครสั่งให้คนชุดดำมาฆ่าคน ซึ่งอีกฝ่ายตอบสวนกลับว่า "ไม่ทราบ คนชุดดำ ไม่มีทางรู้ แต่คนที่สั่งทหารมาต้องรู้ เพราะทหารมีผู้บังคับบัญชาสั่งมา" นายอภิสิทธิ์พยายามพูดว่า ไม่มีใครสั่งทหารฆ่าประชาชน แต่ถูกอีกฝ่ายสวนกลับมาว่า "ออกมาแล้วทำไมฆ่าประชาชนหล่ะ" นายอภิสิทธิ์ตอบว่า "สั่งออกมารักษากฎหมาย" หญิงคนดังกล่าวตัดบททันทีว่า "มารักษากฎหมายแล้วทำไมทำผิดกฎหมายหละท่าน" นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า "เวลานี้ยังสอบสวนอยู่" แต่ผู้หญิงคนดังกล่าวโต้กลับว่า "สอบสวนปีนึงแล้ว เมื่อไหร่จะรู้สักทีว่าชายชุดดำคือใคร ตั้งปีกว่าแล้ว" นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า พยายามอยู่ จำเหตุการณ์ 7 ตุลาได้หรือไม่ แต่หญิงคนดังกล่าวไม่ฟัง และพูดสวนกลับว่า "แต่ก่อนฉันรักประชาธิปัตย์มากเลย เลือกพรรคประชาธิปัตย์มาตลอด สมัยท่านเสนีย์ ปราโมช"

นายอภิสิทธิ์ถามผู้หญิงสูงอายุว่า "ทราบไหมครับว่าใครฆ่า พ.อ.ร่มเกล้า" อีกฝ่ายตอบว่า "ไม่ทราบ เพราะเป็นประชาชนธรรมดา ถ้ารู้ก็ไม่มาถามนายกฯหรอก เพราะไม่รู้จึงมาถามนายกฯ นายกฯต้องรู้ทุกอย่าง ดูแลกฎหมายทุกอย่างอยู่กับนายกฯ" นายอภิสิทธิ์จึงกล่าวว่า "ถ้าถามก็ต้องฟังคำตอบ เมื่อมีการชุมนุมขึ้น วันนั้นทหารมีกฎการใช้กำลังชัดเจน ก็ไม่เกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อถอนทหารกลับตอน 6 โมงเย็น ก็มีคนยิงระเบิดลงมา" หญิงสูงอายุสวนกลับว่า "ทำไมไม่จับคนยิงระเบิดลงมาในเมื่อทหารอยู่เต็มไปหมด แล้วปล่อยมาได้อย่างไร" นายอภิสิทธิ์ชี้แจงอีกว่า "ไม่ใช่ คนที่ฆ่า ถ้าทหารจับง่าย ก็จับไปแล้ว ผมถึงขั้นมีคนไปเจรจากับอีกฝ่ายอยู่ที่ค่ายทหารในทางลับ ซึ่งฝ่ายนั้นบอกว่าถ้ามีคนมายิง ก็ให้ทหารยิงกลับไปเลย ผมจะไปบอกอย่างนั้นได้อย่างไร เดี๋ยวก็ไปโดนประชาชน ผมจึงบอกว่าให้ช่วยกัน..." แต่หญิงคนดังกล่าวพูดตัดบททันทีว่า "คนเราเจรจากันได้ คุยกันได้ มนุษย์ไม่ใช่สัตว์"

เจอตัวจริงเสียงจริงมาร์คออกอาการแถไปแถมา เพราะศีลห้ามันก็ไม่ถือ โกหกซะจนตัวเองจำไม่ได้ว่าพูดอะไรไปมั่ง

เจอชาวบ้านสรรเสริญ "ดีแต่พูด" ก็น่าอายแย่แล้ว อย่าให้ต้องเพิ่ม "เก่งแต่ตอแหล" อีกเลย...นะมาร์ค

ดีเบตข้างถนนวันนี้มาร์คแพ้หลุดลุ่ยทั้งๆที่ดีเบตกับคุณป้าชาวบ้านธรรมดาๆที่ติดตามข่าวสาร...อิอิ

Playlist เลือกดูได้... ณัฐวุฒิVSชำนิ, มิ่งขวัญ, ณัฐวุฒิ สิงห์บุรี2-06-54, ณัฐวุฒิ นนทบุรี3-06-54, เฉลิม,เชาวรินทร์,หมวดเจี๊ยบ,ณัฐวุฒิ บ่อหลา บางแค3-06-54, ดร.อภิวันท์,ณัฐวุฒิ,ยิ่งลักษณ์ ชลบุรี4-06-54, ณัฐวุฒิแถลงข่าว3-06-54, ก็ป้าเค้าแดงตัวจริง มาร์คเอ๊ย!!, สรยุทธสัมภาษณ์ หญิงเหล็กยิ่งลักษณ์9-06-54, ณัฐวุฒิ,เฉลิม,อภิวันท์,ยิ่งลักษณ์ ท่ามะกา 11-06-54, และอีกเยอแยะ...

ใครพอทราบเรื่อง นายกฯทักษิณ ได้สัมปทานน้ำมันที่แอฟริกาบ้าง
ก๊อปมาจากประชาทอล์คอีกทีน่ะ...

narutojung : ดูรายการจตุรัสการเมืองเมื่อคืน เห็นคุณศรี พูดเกี่ยวกับนายกฯทักษิณว่า ตอนนี้ได้สัมปทานน้ำมันที่ประเทศแถวแอฟริกา ถ้าจำไม่ผิด ซิมบับเวย์ หรืออะไร

รู้แต่ว่าตอนนี้นายกฯทักษิณมีสัมปทานน้ำมันที่ ดูไบ อยู่แห่งหนึ่ง

คุณศรีว่า นายกฯทักษิณ มีเหมืองเพชร เหมืองทอง และน้ำมัน ด้วย

ใครพอรู้ว่าจะหาอ่านจากไหน

คุณศรีพูดไปหัวเราะไป บอกว่าไล่ให้นายกฯทักษิณ ไปรวยกว่าตอนอยู่เมืองไทยเสียอีกตอนนี้

* * * * *

bunjong : คุณศรี อินทปันตี กล่าวว่านำข่าวนี้มาจาก นสพ.โพสต์ทูเดย์ ซึ่งทีมข่าวหนังสือพิมพ์ดังกล่าวไปสัมภาษณ์นายกฯทักษิณ ที่ดูไบ

malee mala : ไม่รู้เหมือนกันนะคะ...ว่านอกจากเหมืองทองที่ขุดขึ้นมาได้มหาศาลแล้วยังจะได้บ่อน้ำมันอีก

โห...อย่างกับนิทานเรื่องสังข์ทองเลยนะนี่ โดนขับไล่ออกไปอยู่ป่า เทวดาก็คอยอารักขา... เอาไปถ่วงน้ำพญานากก็เอาไปฟูมฟักเลี้ยงดู กลัวอันตรายจากพิษที่คลายออก เลยเอาไปให้นางยักษ์เลี้ยง ได้เห็น บ่อทอง บ่อน้ำมัน... คนเห็นเป็นรูปเงาะ แต่คนมีบุญเห็นเป็นเทพบุตรรูปงาม...อิอิ

X-Files : ไม่ใช่ที่เดียวที่ได้หรอกครับ แต่มีหลายๆที่ ทั้งน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ ทองคำ เพชร และนิเกิ้ล

แต่ก็ใช่ว่าจะรวยอะไรมากนักหรอกนะครับ เพราะนายกฯทักษิณไม่ได้คิดจะรวยคนเดียว ดังนั้นเลยแบ่งผลประโยชน์ให้กับประเทศต่างๆเหล่านั้นเสียเกือบหมด เหลือเอาไว้ให้ตัวเองนิดๆหน่อยๆ (ไม่เหมือนเมกา นั่นมันฮุปเอาส่วนใหญ่ เหลือส่วนน้อยให้กับเจ้าของประเทศ)

พอเป็นแบบนี้ก็ยิ่งไหลมาเทมา เพราะความเชื่อมั่นของแต่ละประเทศที่ให้สัมปทานนั้น เขาพิสูจน์แล้วว่า ลงทุนกับคนๆนี้ ประเทศของเขาจะไม่เสียเปรียบ ประชาชนก็ไม่เดือดร้อน ต่างคนก็ต่าง win-win

ล่าสุดก็ได้ที่พม่าอีก 2-3 แปลง บางแปลงก็ใหญ่ขนาดภาคตะวันออกของประเทศไทยทั้งภาค

อ้อ...ลืมบอกไปอีกว่า บริษัทสัมปทานเหล่านั้นไม่ใช่เป็นของนายกฯทักษิณคนเดียว เพราะท่านร่วมลงทุนกับเพื่อนๆอีกหลายคน

narutojung : เห็นคุณศรีเล่าว่า แปลงสัมปทานที่ซิมบับเว ปริมาณน้ำมันมหาศาลมาก

เรื่องร่วมหุ้น ไม่แปลกใจ เพราะอาหรับเขาเชี่ยวชาญเรื่องนี้อยู่แล้ว


17มิ.ย.54 ใครก็ได้ เอาเทปกาวไปปิดปากคุณทักษิณหน่อย

Greenzone: จะพังเพราะคำพูดอีกแล้ว ดีที่ยังมีคุณปูพูดแก้ให้อยู่ ไม่รู้จะออกมาพูดทำไม ล่อเป้าฝ่ายตรงข้ามทั้งนั้น

1. พูดว่าจะกลับเดือน ธ.ค. มาถวายพระพรในหลวง กับมางานแต่งลูกสาว

>> สื่อชั่วได้ที อย่างmanagerตัดตอนเอาลงแค่ทักษิณอยากกลับธันวามางานลูกสาว แถมเสี้ยมในข่าวว่าทำไมจะกลับเดือนนั้น ต้องการกลบอะไรรึเปล่า

2. บทสัมภาษณ์เต็มๆ ทักษิณบอกว่า ก็หวังว่าจะได้กลับ แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร

>> สื่อชั่วและพรรคแมงสาบมันไม่พูดถึงตรงนี้เลย มันบอกเห็นมั้ย ทักษิณเตรียมนิรโทษกรรมแล้วเต็มที่ ถ้ามันพูดจริงๆ ก็เข้าเค้า ทั้งที่จริงๆ ทางเพื่อไทยและคุณปูย้ำมาเสมอว่าอันดับแรกคือเข้ามาแก้ปัญหาปากท้องประชาชน

ตอนนี้พวกมันได้ทีขยายผล ไม่เชื่อคอยดู ในวันนี้แมงสาบต้องออกมาเสี้ยมอีกแน่ จริงๆมันทำทุกวัน แต่คุณปูนิ่งพอที่จะไม่หลงกลมัน มันเลยได้แต่เห่าจนคะแนนมันตกลงเรื่อยๆ ถ้าเรื่องนี้ทักษิณออกมา คำพูดของแมงสาบถ้ามันจะเล่นมันเลยมีน้ำหนัก คนเลือกข้างแล้วน่ะเข้าใจ แต่คนกลางๆ ที่ซ้ายทีขวาทีน่ะ เราจะเสียคะแนนส่วนนี้ไป

ปัญหามันจะไม่เกิดเลย ถ้าทักษิณไม่ออกมาพูด เงียบๆบ้างได้มั้ย อีก 2 อาทิตย์กว่าเอง สงบปากสงบคำบ้าง

พูดตรงๆเลย เพื่อไทยแพ้ได้เพราะคำพูดนี่แหละ เรากองเชียร์ก็เหนื่อยใจเหมือนกัน จะมาพูดให้คะแนนลดทำไม

ล่าสุด นักข่าวถามคุณปู ๆ ตอบได้ดีเลย >> เมื่อถามว่าที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์ระบุว่าจะกลับมาประเทศไทยเพื่อร่วมงานแต่งลูกสาว นั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติในฐานะพ่อก็ต้องการมาร่วมงานลูกสาว แต่ทั้งหมดก็เป็นสิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณปรารถนา แต่เราก็ต้องกลับมาบนความจริงเรื่องบทบาทและหน้าที่ตนเองก็ดูแลรักษาผลประโยชน์ของประเทศ ทำหน้าที่ดูแลในส่วนรวม ส่งมอบนโยบายที่ให้ไว้กับประชาชน อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวก็ได้มีการพูดคุยถามทุกข์สุขกับพี่ชายเป็นระยะ และพ.ต.ท.ทักษิณก็ให้กำลังใจตนเองในฐานะพี่ชายเสมอ

สายลมรัก: ผมเห็นว่า ช่วงนี้คุณทักษิณ ควรหยุดให้สัมภาษณ์นะ จะได้ไม่เป็นจุดอ่อนให้มันเอาไปโจมตี

Greenzone: ผมเห็นด้วยครับ แต่คราวนี้ปรี๊ดมาก เพราะมันจะโค้งสุดท้ายแล้ว คะแนนทางเราก็พุ่งขึ้นๆ ยิ่งออกมา ฝ่ายนั้นมันยิ่งดีใจ กรูมีเรื่องเล่นอีกแล้วโว้ย

พอมีคุณปูแล้วสบายใจขึ้นเยอะเลย ลูกล่อลูกชนคุณปูเยอะดี คะแนนนิยมถึงขึ้นมายังงี้ไงล่ะครับ

นี่ผมคิดไปไกลแล้วนะว่า ถ้าคุณปูเป็นนายกเนี่ย เราสู้กับพวกมันได้ อย่างที่เห็นมาคือคุณปูพูดดี อย่างเรื่องประยุทธ์มันฮึ่มๆ เป็นทักษิณปากพาเละไปแล้ว แต่คุณปูพูดแค่อยากเข้าพบและขอคำแนะนำ ประยุทธ์มันไปไม่เป็นเลย

Cyborg: เพราะสิ่งที่คุณปูพูดออกมานั้น ได้แสดงว่า คุณปูมีสมอง คิดเองเป็น ไม่ต้องรอคำสั่งจากใคร ยิ่งทำให้ภาพคุณปูดูดีขึ้นและก้าวพ้น สิ่งที่เคลือบแคลงว่าต้องรอคำสั่งหรือต้องทำตามคำสั่งคุณทักษิณ

มันตรงกันข้ามกับสิ่งที่ ปชป.ตั้งข้อสังเกตว่า ต้องรอคำสั่ง หรือว่า ทำเืพื่อคนคนเดียวครับ

ท่านชายเหล็ก: ตอนนี้ฝ่ายแดงหลายๆฝ่าย คงต้องสงบปากสงบคำกันมากๆ ให้สัมภาษณ์ให้น้อยๆ พูดนโยบายให้มากๆ ทั้งแกนนำแดง ผู้สมัคร สส. ผู้เกี่ยวข้องทั้งหลายเงียบๆหน่อยก็จะเป็นผลดี อย่าไปต่อปากต่อคำกับใคร ฝ่ายเรากำลังได้เปรียบ ประชาชนเค้ากำลังชื่นชม ชื่นชอบ ปล่อยให้ไอ้มาร์ค ไอ้เหล่ ไอ้เทือก ไอ้หน้าม้า ไอ้หน้าจิ๋ม นักคลายปม มันพล่ามไป มันยิ่งพูดยิ่งเข้าตัว เราไม่ต้องโต้ตอบ ไม่ต้องดีเบต เลือกตั้งเสร็จค่อยคุยก็ได้ยังมีเวลาให้คุยกัน

ท่านทักษิณก็สงบสักหน่อยอย่าสร้างแรงกระเพื่อมทางการเมือง นักข่าวหรือสื่อมันยิ่งจ้องหาทางเล่นงาน ทำเฉยๆซะ อำมาตย์อกแตกตายแน่ๆ