. . . ร่วมด้วยช่วยกันเผยแพร่สื่อสารถึง"คนเสื้อแดง"ทั่วไทยและทั่วโลก . . . ขอขอบพระคุณเจ้าของclipภาพถ่ายและบทความทุกๆท่านที่กรุณาเอื้อเฟื้อแบ่งปัน . . .น้ำใจซื้อขายไม่ได้ แต่น้ำใจให้กันได้...อิอิ
DisplayUs.com

  

. . . รณรงค์พี่น้อง"คนเสื้อแดง"77จังหวัดทั่วไทย 3กรกฎาเข้าคูหากาเบอร์1 ส.ส.เพื่อไทย และกาเบอร์1 พรรคเพื่อไทย ให้จัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว . . .

Playlist เลือกดูได้... 200 Clip สัมภาษณ์-ปราศรัย-วิสัยทัศน์ คุณปู "ยิ่งลักษณ์...ยิ่งดู...ยิ่งรัก"
  
[คลิกที่นี่...เว็บแรงงานนอกระบบ]
  

@ ปู้นนน...!!! คนเมืองใต้เจียงใหม่ของหมู่เฮาลงไปตางปู๊นนน..... * * @ 2กุมภา..กาเบอร์ 15 ทั้ง ส.ส.เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย


PlayListนี้ เริ่มต้นด้วย "เล่าเรื่อง ตาดูดาวเท้าติดดิน" เรียงลำดับตั้งแต่ ตอนแรก ถึง ตอนปัจจุบัน ..ท้ายเพลย์ลิสท์เป็นคลิป "เมื่อศาลรัฐธรรมนูญกระทำขัดรัฐธรรมนูญ : จะทำอย่างไร?" วันพุธที่ 1 พฤษภาคม 2556 เวลา 13.00 - 16.00 น. ห้องกมลทิพย์ ชั้น 2 โรงแรมสุโกศล (สยามซิตี้เดิม) คลิปนี้..วิทยากร รศ.ดร.วรเจตน์ ภาคีรัตน์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แสดงความคิดเห็นเริ่มนาที 0:14:24
คลิกที่นี่ ดูบนyoutube...
หรือคลิกที่นี่.. @ AsiaUpdate "เล่าเรื่อง ตาดูดาวเท้าติดดิน"

คลิกที่นี่ ดูบนyoutube...

คลิกที่นี่ ดูบนyoutube...

วันพุธที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2556

อัลบั้ม 2กุมภา..กาเบอร์ 15 ทั้ง ส.ส.เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย

2กุมภา..กาเบอร์ 15 ทั้ง ส.ส.เขต
และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย


2กุมภา..กาเบอร์ 15 ทั้ง ส.ส.เขต
และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย


2กุมภา..กาเบอร์ 15 ทั้ง ส.ส.เขต
และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย


2กุมภา..กาเบอร์ 15 ทั้ง ส.ส.เขต
และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย


2กุมภา..กาเบอร์ 15 ทั้ง ส.ส.เขต
และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย


2กุมภา..กาเบอร์ 15 ทั้ง ส.ส.เขต
และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย


2กุมภา..กาเบอร์ 15 ทั้ง ส.ส.เขต
และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย


2กุมภา..กาเบอร์ 15 ทั้ง ส.ส.เขต
และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย


2กุมภา..กาเบอร์ 15 ทั้ง ส.ส.เขต
และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย


2กุมภา..กาเบอร์ 15 ทั้ง ส.ส.เขต
และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย

วันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2556

นั่งรถไฟเขมร..ทำจากไม้ไผ่(bamboo railway) ปู้นๆ..ปู้นๆ..

@ เมื่อผมไปอเมริกาครั้งแรกเมื่อเดือน มกราคมปี 1972.....ผมมีเงินติดตัวไป $80.00... ตอนที่ 8...กลับไปทำงาน 2 job ใหม่ กลับเมืองไทยครั้งแรกหลังจากที่จากมาแล้วเกือบสิบปี เริ่มค้าขาย ชีวิตหักเหอีกครั้ง
@ ชีวิตหมอที่ไม่ได้ไปอเมริกา By: kimeng suk
@ สดุดี..นโยบายบัตรทองประกันสุขภาพ 30 บาทรักษาทุกโรค
@ ผมไม่ได้แหล!!! แต่เรื่องดีๆอย่างนี้..clickดูเองเหอะ
@ ความเป็นมาของ คดีสะเทือนโลก "ที่ดินรัชดา" ที่ทุกๆคนควรรู้!!!
@ เพิ่งเคยเห็นนายกฯคนแรกนี่แหละ ที่สนับสนุนให้เด็กเก่งคณิตศาสตร์
@ ทำความเข้าใจก่อนวิจารณ์ "การลงทุน 2 ล้านล้าน" กับ รัฐมนตรีชัชชาติ สิทธิ์พันธุ์
@ เขียนให้อ่าน..จากใจ ดร.วีรพงษ์ รามางกูร
@ ทิ้งหนี้ไว้ให้ลูกหลาน โดย ดร.วีรพงษ์ รามางกูร
@ อะไรคือ มรดกอสูร!!! ใครคือ ทายาทอสูร!!! ดร.โกร่งมีคำตอบ
@ เป็นเพราะว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเหล่านี้ไม่มีสำนึกในการรักษาความยุติธรรม..และยังทำลายความยุติธรรมด้วยมือของตนเองอีกด้วย...
@ คำแปล ปาฐกถาพิเศษ ปชต."นายกฯยิ่งลักษณ์"ที่มองโกเลีย
@ จดหมายเปิดผนึก.. ส.ส.และ ส.ว.312 คน คัดค้านและไม่ยอมรับการใช้อำนาจที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญของศาลรัฐธรรมนูญ
@ ฮู้ยยยย...สติแตกกันไปหมดแย้วทั้งคนเล่นและกองเชียร์แนวร่วม

คลิกที่ภาพ...เพื่อดูขนาดที่ใหญ่ขึ้น @ New!! แจกปฏิทินนายกฯปู พ.ศ.2556 คลิกที่นี่...

คลิกที่ภาพ...เพื่อดูขนาดที่ใหญ่ขึ้น



นั่งรถไฟเขมร..ทำจากไม้ไผ่(bamboo railway) ปู้นๆ..ปู้นๆ..
By: Mr.Hotsia ธันวาคม 2554

เคยมีคนแนะนำว่าถ้าไปเที่ยวกัมพูชา (เขมร) หรือ พระราชอาณาจักรกัมพูชา (Cambodia) ต้องไม่พลาดไปเยือน "เมืองพระตะบอง" (Battambang) เมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมมากในหมู่นักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติอื่นๆ เมืองพระตะบองตั้งอยู่ทางภาคตะวันตกของประเทศเป็นเมืองเอกหรือจังหวัดหนึ่งของประเทศกัมพูชา โดยมีพื้นที่ติดกับประเทศไทย คือ จังหวัดสระแก้ว และ จังหวัดจันทบุรี นั่นเอง


รางรถไฟที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อสมัยร้อยปีที่ผ่านมาโดยฝรั่งเศส บางเส้นทางที่ไม่ได้ใช้งาน ชาวบ้านจึงคิดทำรถไฟไม้ไผ่ขึ้นมาใช้เอง เป็นแคร่ไม้ไผ่ที่วางบนล้อแล้วใช้เครื่องยนต์เล็กๆใส่ พ่วงสายพานไปหมุนล้อ ก็วิ่งฉิวเลยครับ ชาวบ้านเขาใช้สัญจรไปมาระหว่างหมู่บ้านระยะทางสัก 10 กิโลเมตรได้ ตอนหลังมีนักท่องเที่ยวนิยมกัน จึงเปิดให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นด้วย ราคารอบละ 10 USD ต่อหนึ่งคัน

รถจะพาเราไปยังหมู่บ้านท้องถิ่นแห่งหนึ่ง เราสามารถเดินเล่นในหมู่บ้านชมชนบทจริงๆของที่นั่น ผมเองโชคดีได้ไปขี่รถม้าของชาวบ้านที่พึ่งกลับจากสวน เป็นความประทับใจไม่รู้ลืม หลังจากนั้นก็นั่งรถไฟไม้ไผ่ยิงยาวกลับมายังสถานีต้นทาง ในการนั่งรถแบบนี้ไม่ต้องห่วงรถไฟมาเพราะว่ารถไฟเขาเลิกวิ่งแล้ว มีแต่รถแบบเดียวกันสวนกันก็ต้องยกออกคันนึงครับ คนขับเขารู้งานเขาก็จะช่วยกัน

ความสนุกสมใจของการได้นั่งรถไฟไม้ไผ่คือการได้ใช้ความเร็วสูงอยู่บนรางรถไฟ แล้วมีเสียงแบบรถไฟจริงๆด้วย ลมพัดผ่านหน้าเราแรงๆ กะวิวป่าสมบูรณ์สองฝั่งทาง ทำให้เราสนุกไปกับการได้วิ่งรถไฟเข้าป่าไปครับ ผมชอบจริงๆ

อาจเป็นข่าวร้ายเพราะผมทราบมาว่าเขาอาจเลิกใช้รถไฟไม้ไผ่นี้ เพราะจะนำรางรถไฟไปใช้กับรถไฟจริงๆ ซึ่งสักวันก็ต้องมาถึงเพราะการพัฒนาก็ดำเนินไปข้างหน้าเรื่อยๆ ดังนั้นหากต้องการนั่งรถไฟไม้ไผ่ ซึ่งอาจเป็นขบวนสุดท้ายเมื่อไหร่ไม่รู้ ต้องตัดสินใจมาเที่ยวพระตะบองวันนี้...




จริง เท็จ ไม่รู้ เชิญคลิกไปอ่าน...
@ แฉแผน "ดราม่า" ช่อง 3 เล่นงานรัฐบาล ที่แท้ "ขัดผลประโยชน์" สัมปทานพันล้าน!
@ เปิดปม สัญญาสัมปทาน แบบ "เหนือเมฆ" ช่อง 3-อสมท. ปริศนา เบื้องหลัง ฉากละคร "เซ็นเซอร์" เพื่อ "ต่อรอง" !!!
@ ที่แท้ช่อง 3 แบน "เหนือเมฆ" เอง


ถ้าแฟนละครเหนือเมฆจะโทษว่าการเมืองแทรกแซงสื่อ ก็ควรมองถึงกฎหมายที่ สนช.คนดี ปี51 ยัดเยียดให้ออกมาคุมสื่อ ดีกว่านะ
By: ณ.ณ. เว็บประชาทอล์ค

จากข่าว ช่อง 3 ตัดละคร เหนือเมฆ2 : มือปราบจอมขมังเวทย์

กสทช.รับช่อง 3 แจงเหตุถอด 'เหนือเมฆ2' ระบุผิด ม.37

กสทช.ขอข้อมูลช่อง3 กรณีถอดละคร'เหนือเมฆ2'

กสทช.ร่อนหนังสือสั่งปรับช่อง3 จากรายการโชว์นม

สนช. รับหลักการร่าง พ.ร.บ.ประกอบกิจการกระจายเสียงฯ

ถ้าผู้จัดละครเหนือเมฆจะโทษว่าการเมืองแทรกแซงสื่อ ก็ควรมองถึงต้นตอ คือ สนช.คนดี ปี51 ที่ออก พ.ร.บ.คุมสื่อ ดีกว่านะ

กฎหมายคุมสื่อ ที่ว่า ล้วนออกในยุค สนช.คนดี ที่อาศัยอำนาจ คมช.หลังรัฐประหารเข้ามามีอำนาจในการเมืองทั้งสิ้น

กฎหมาย พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐ ... ยังไม่มีผลกระทบกับคุณ คุณไม่สนใจ ไม่เรียกร้องสิทธิ์ของตนเองในฐานะประชาชน

พอเจอฤทธิ์ พระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ.๒๕๕๑ ... เข้า(แน่ะ ยังไม่รู้ตัว มัวแต่พากันโทษคนอื่นอยู่) เพิ่งจะงัวเงียตื่นมาโวยวาย เพราะละครของตนถูกช่อง 3 ตัดจบ

* * * * *

สาระ มาตรา 37 ตามที่ กรรมการ กสทช.ระบุ

พระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ.๒๕๕๑

มาตรา ๓๗ ห้ามมิให้ออกอากาศรายการที่มีเนื้อหาสาระที่ก่อให้เกิดการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือมีการกระทำซึ่ง เข้าลักษณะลามกอนาจาร หรือมีผลกระทบต่อการให้เกิดความเสื่อมทรามทางจิตใจหรือสุขภาพของประชาชนอย่างร้ายแรง

ผู้รับใบอนุญาตมีหน้าที่ตรวจสอบและให้ระงับการออกอากาศรายการที่มีลักษณะตามวรรคหนึ่ง หากผู้รับใบอนุญาตไม่ดำเนินการ ให้กรรมการซึ่งคณะกรรมการมอบหมายมีอำนาจสั่งด้วยวาจา หรือเป็นหนังสือให้ระงับการออกอากาศรายการนั้นได้ทันที และ ให้คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวโดยพลัน

ในกรณีที่คณะกรรมการสอบสวนแล้วเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเกิดจากการละเลยของผู้รับใบอนุญาตจริง ให้คณะกรรมการมีอำนาจสั่งให้ผู้รับใบอนุญาตดำเนินการแก้ไขตามที่สมควร หรืออาจพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตก็ได้

ฯลฯ 80 มาตรา

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์
นายกรัฐมนตรี

* * * * *

อ่านที่ผู้จัดละครบางคนมีคอมเม้นท์ว่า "ไม่สำคัญว่าเกิดอะไรขึ้น สำคัญที่คุณคิดอย่างไรกับสิ่งที่เกิดขึ้น" แล้วก็ได้แต่ปลดปลง

คุณทั้งหลายในวงการมายา เป็นแค่เครื่องมือของเขา เพื่อโน้มน้าวและชี้นำความคิดของคนเสพละคร ไม่ได้มีจิตวิญญาณและความสามารถที่จะตีแผ่ความจริงเพื่อจรรโลงสังคมจริงอย่างที่พวกคุณสร้างภาพไว้หรอก

พานทองแท้ : "ผมอยากให้ช่อง3 อนุญาตให้ละคร เหนือเมฆ ออกอากาศตอนที่เหลือจนจบ"
By: facebook/oakpanthongtae

คลิกที่นี่... @ เหนือเมฆ กับ divas cafe เมื่อเช้านี้มันส์จริงๆ เริ่มที่นาที 35 เป็นต้นไป
http://shows.voicetv.co.th/divas-cafe/60065.html

"ผมอยากให้ช่อง3 อนุญาตให้ละคร เหนือเมฆ ออกอากาศตอนที่เหลือจนจบ" ...คือความเห็นพานทองแท้ต่อ ปรากฏการณ์ "เหนือเมฆ" ในวงการมายาของเมืองไทยครับ...

ก่อนอื่นผมต้องขอออกตัวก่อนครับว่าไม่เคยดูละครเรื่องนี้ และไม่เคยคิดที่จะเอาเนื้อหาของละคร ที่เกี่ยวข้องกับการเมืองมาวิจารณ์เลย เพราะในชีวิตจริงแค่ดูละครการเมืองเรื่อง"ประชาธิปัตย์" เพียงอย่างเดียวก็ไม่ไหวจะเคลียร์แล้วครับ แต่แฟนเพจหลายท่านหลังไมค์หน้าไมค์มาว่า อยากฟังความเห็นส่วนตัวว่ามองอย่างไรกับเรื่องนี้

ถ้าจะให้พูดถึง ผมต้องขอยกเอาคำพูดของ Voltaire นักปรัชญาชาวฝรั่งเศส ที่ได้พูดไว้เมื่อ3ร้อยปีที่แล้ว มาเป็นกรอบในการวิจารณ์สิ่งที่เกิดขึ้นดังนี้...

"I disapprove of what you say,but I will defend to the death your right to say it."

แปลเป็นไทยว่า... "ถึงแม้ฉันจะไม่เห็นด้วยในสิ่งที่คุณพูด, แต่ฉันก็จะปกป้องสิทธิ์ในการพูดของคุณ ด้วยชีวิต"

ในแง่มุมที่ผมไม่เห็นด้วยถึงแม้ผมจะไม่เคยได้ดูละครเรื่องนี้ แต่เท่าที่ให้ทีมงานตรวจสอบดูในเบื้องต้นพบว่า.... (ถ้าไม่ตรง100%ต้องกราบขออภัยนะครับ เป็นการสรุปเนื้อเรื่องทั้งสิบกว่าตอน ไม่มีเวลาได้ดูเองครับ)

ในเนื้อของละครเป็นเรื่องเกี่ยวกับ นักธุรกิจที่เติบโตมาจากการสัมปทานดาวเทียม เมื่อเข้ามาเป็นนักการเมืองก็มีเรื่องทุจริตโกงกิน ในที่สุดก็ต้องชดใช้กรรมด้วยการถูกM79ยิงตาย ขณะที่มางานเปิดสถานีสื่อสารมวลชนที่ลูกของตนเป็นเจ้าของ ตัวละครก็มีทั้งชื่อ เพชร.."แท้" ซึ่งเป็นเจ้าของสถานีฯ "แพร"..ไพลิน ซึ่งเป็นลูกสาวของนักธุรกิจเครือข่ายสื่อสารยักษ์ใหญ่ของไทย ขาดก็แต่ถ้าพลอตเรื่องมีชื่อ "พิณ......." อะไรซักอย่าง มาดูแลธุรกิจอสังหาฯของตระกูลบ้านทรายทอง ก็คงไม่ต้องเดากันว่าจะสื่อถึงใคร ประทับตราว่า "สำเนาถูกต้อง" ให้ได้เลยครับว่านี่คือ "ตาดูดาว เท้าติดดิน ภาคพิสดาร" เพื่อทดแทนภาคแรกที่ทำเสร็จสมบูรณ์แล้ว แต่โดนเผด็จการแบนละครแบบถาวร ไม่ยอมให้ฉายจนถึงปัจจุบันนี้

ซึ่งการที่ผมโยงให้เห็นแบบนี้ ถ้าเป็นการโต้กันทางโวหาร ของนักการเมืองประเภทน้ำเน่า ก็จะต้องถูกแดกดันว่า ร้อนตัว,กินปูนร้อนท้อง,แสดงว่าโกงจึงร้อนตัว ฯลฯ แต่ผมถือว่าครั้งนี้ผมมิได้ตอบโต้ทางการเมืองกับพรรคใด เป็นการสื่อสารกับปัญญาชนที่เป็นคนของประชาชน ซึ่งผมชื่นชมและศรัทธาในผลงานทางการแสดงของพี่ๆทุกท่านมาตั้งแต่เด็ก และยืนยันว่า "ผมแยกแยะและไม่เคยมีอคติต่อผู้ที่เห็นต่างทางการเมืองเลย" แต่ก็ต้องขออนุญาตพูดให้เห็นก็เพื่อให้สังคมให้ความเป็นธรรม ว่าการเขียนบทโดยเอาความมีอคติทางการเมือง มาเล่นสนุกกันจนล้ำเส้นแบบนี้ เป็นแง่มุมที่ผมบอกว่า "ผมไม่เห็นด้วย" ครับ

ถ้ายังมองไม่ออกว่าล้ำเส้นอย่างไร ผมยกตัวอย่างให้ก็ได้ครับว่า มันจะเป็นธรรมไหม ถ้ามีผู้จัดละครที่ชอบการเมืองอีกขั้วหนึ่ง จะทำละครเกี่ยวกับ ชีวิตของเด็กในตระกูลอำมาตย์คนหนึ่ง ถูกส่งไปเรียนนอกแต่เด็ก ถือสองสัญชาติแต่อยากเป็นนายกฯ เรียนจบกลับมาก็หลีกเลี่ยงการเกณฑ์ทหาร ภาพลักษณ์ดีแต่ไฟเขียวให้เพื่อนสนิทไปรีดไถเงินจากการแต่งตั้งโยกย้าย จนปลดหนี้ครอบครัวหลายร้อยล้านบาทได้ สนับสนุนให้พรรคพวกที่เป็นนายทุนฮุบที่ดินของเกษตรกรมาเป็นสมบัติตัวเอง ปราบปรามประชาชนที่ออกมาเรียกร้องสิทธิ ด้วยความรุนแรงจนมีคนตายนับร้อยศพ ในที่สุดก็ถูกพิพากษาประหารชีวิต!!

ความเห็นผม ถ้ามีใครเขียนพลอตเรื่องแบบนี้ ผมจะพูด"ตรงข้าม" กับปรัชญาของVoltaireเลยครับ ผมจะบอกว่า "ถึงแม้ฉันจะชอบและเห็นด้วยในสิ่งที่คุณพูดมากแค่ไหน, แต่ฉันก็จะคัดค้านไม่ให้คุณสร้างละครเรื่องนี้ เพราะบางส่วนมันไปพ้องกับคนบางคน ซึ่งจะทำให้เขาเสียหายอย่างไม่เป็นธรรม"

ส่วนที่ผมบอกว่า ผมจะปกป้องสิทธิที่คุณจะพูดถึงมันนั้น ถึงแม้จะไม่ถึงกับปกป้องด้วยชีวิตเช่นในปรัชญา แต่ก็อยากที่จะขอให้ช่อง3 อนุญาตให้ละคร"เหนือเมฆ"ได้ออนแอร์ต่อไปจนจบครับ เรื่องมันปาเข้าไปสิบกว่าตอนแล้ว เหลืออีกแค่1-2ตอน ปล่อยให้จบไปก็ไม่มีอะไรในกอไผ่ ผมมองว่าการที่ช่อง3 ทำแบบนี้ ดูแล้วมันคล้ายกับการ "กิน3ต่อเข้าฮอส" มากกว่า

ต่อที่1 สิ่งที่ท่านอยากจะสื่อทางการเมืองผ่านละคร ท่านก็ได้ทำเสร็จไป90%แล้วครับ ตอนจบก็คงไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ หรือส่งผลกระทบต่อผู้ใดมากกว่าตอนที่แล้วๆ

ต่อที่2 รัฐบาลตกเป็นจำเลยของคนดูไปเลยครับ คนดูอุส่าห์ดูละครมาเป็นสิบตอน ใครๆก็รอดูตอนจบกันทั้งนั้น ดันมาสั่งให้ช่อง3 ตัดตอนจบออก แหม...เสียอารมณ์!! คราวหน้าไม่เลือกแล้วพรรคฯนี้

ต่อที่3 ละครมาดังก็ตอนที่ช่อง3ไปสั่งยกเลิกเขานี่แหละครับ รับรองว่าเอากลับมาออนแอร์เมื่อไหร่ เรทติ้งละครช่อง3 กระฉูดราวกับ "กังนำสไตล์" ในยูทูปเลยครับ

ผมว่าคงไม่มีใครไม่เข้าใจความรู้สึกคนดู ถึงขนาดไปสั่งยกเลิกละครตอนจบหรอกครับ การไปพูดว่าต้องยกเลิกละครเพราะเกี่ยวกับการเมืองแบบนี้ ทั้งผู้จัดฯทั้งนักแสดงทั้งคนดู ย่อมเคืองรัฐบาลกันทั้งนั้น ถ้ารัฐบาลไม่พอใจและสั่งช่อง3ได้จริง เขาน่าจะรอให้จบละครเรื่องนี้ แล้วค่อยแก้ไขโดยกำชับให้ช่อง3 ระมัดระวังไม่ให้ผู้จัดละคร แฝงเรื่องการเมืองแบบเหน็บแนมฝั่งหนึ่งฝั่งใดมากกว่า ช่อง3ไปทำอะไรโอเว่อร์แบบนี้ เดี๋ยวจะเข้าใจผิดกันไปใหญ่ครับ

คืนความชอบธรรมให้กับละคร ด้วยการให้ออนแอร์ต่อเถอะครับ ถ้าช่อง3อนุญาต ผมเองจะรอดูตอนจบของละครด้วยตัวเอง และขอยินดีล่วงหน้ากับ การทำสถิติใหม่ ในเรทติ้งของละครช่อง3 ด้วยครับ

@ พานทองแท้ : "ผมอยากให้ช่อง3 อนุญาตให้ละคร เหนือเมฆ ออกอากาศตอนที่เหลือจนจบ"

วันอาทิตย์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2556

ฮู้ยยยย...สติแตกกันไปหมดแย้วทั้งคนเล่นและกองเชียร์แนวร่วม

@ เมื่อผมไปอเมริกาครั้งแรกเมื่อเดือน มกราคมปี 1972.....ผมมีเงินติดตัวไป $80.00... ตอนที่ 8...กลับไปทำงาน 2 job ใหม่ กลับเมืองไทยครั้งแรกหลังจากที่จากมาแล้วเกือบสิบปี เริ่มค้าขาย ชีวิตหักเหอีกครั้ง
@ ชีวิตหมอที่ไม่ได้ไปอเมริกา By: kimeng suk
@ สาเหตุที่มึงป่วย...เพราะ...โง่...
@ ไม่รีบเค้นออกมาจะเสียใจ...พรสวรรค์หรือความสามารถพิเศษของเด็กๆ
@ พิธีอภิเษกสมรสระหว่างเจ้าหญิงฮาจาห์ ฮาฟิซาห์ ซูรูรุล โบเกียะห์ พระธิดาสุลต่านบรูไน
@ ขอต้อนรับ นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และคณะ สู่มหานครนิวยอร์ก คลิกที่นี่...
@ สิ่งที่ควรรู้ ก่อนเรียน Master of Business Administration (MBA)
@ มองโครงการรับจำนำข้าวในสายตาของชาวนาตัวจริง...
@ ภาพชุด..นายกฯปู ร่วมประชุม สุดยอด ACD กรอบความร่วมมือเอเชีย ที่คูเวตซิตี้
@ สดุดี..นโยบายบัตรทองประกันสุขภาพ 30 บาทรักษาทุกโรค
@ Obama' ประเด็นที่สื่อไทยเมิน & อัลบั้มโอบามาเยือนไทย 18พ.ย.55
@ ปลื้มปีตี"ในหลวง"เสด็จออก ณ สีหบัญชร เปล่งเสียง"ทรงพระเจริญ"กึกก้อง
@ 'ประชามติ'เกมวัดใจผู้มีสิทธิ 46 ล้าน ต้องการ รธน.เผด็จการหรือประชาธิปไตย ???
@ อ่านบทสัมภาษณ์นี้แล้ว เห็นได้ชัดเลยครับว่า... นายกรัฐมนตรีที่ชื่อ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นี่ โง่มาก โง่มากจริงๆ ครับ
@ เฉียบ!! นายกฯปูอยากให้ปี 2556 เป็นปีของการคิดบวก ...+
@ ภาพชุดพิเศษ...นายกฯปู รณรงค์"ประชามติ"
@ แด่..มนุษย์เงินเดือน "อันความรู้ รู้กระจ่างแต่อย่างเดียว แต่ให้เชี่ยวชาญเถิดจะเกิดผล"
@ ผมไม่ได้แหล!!! แต่เรื่องดีๆอย่างนี้..clickดูเองเหอะ
@ ความเป็นมาของ คดีสะเทือนโลก "ที่ดินรัชดา" ที่ทุกๆคนควรรู้!!!
@ เปิดใจ "พงศพัศ พงษ์เจริญ" ว่าที่ผู้ว่าฯกรุงเทพมหานคร (ย่อมรับคนนี้เก่งจริง)
@ เพิ่งเคยเห็นนายกฯคนแรกนี่แหละ ที่สนับสนุนให้เด็กเก่งคณิตศาสตร์
@ ที่ปรึกษาอัคคีภัยเซ็นทรัลฯ ยันจำเลยคดีเผาเซ็นทรัลเวิลด์ ไม่สามารถวางเพลิงได้
@ หึหึ ปวดตับละทีนี้ จะรุกเขมิบม้า เจอสวนรุกฆาต โบราณว่า..เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ!!
@ โถ..โถ..โถ..น่าสมเพชเวทนา เอา"ข้าวนึ่ง"จากไหนไม่รู้ จัดฉากใส่ร้ายเขาเป็นตุเป็นตะ หวัง"ตีกิน"ตามสันดาน!!
@ มือหยาบกร้านคู่นั้น มีแต่เส้นเอ็นปูดโปน...ทำให้ผมนึกถึงมือของผู้หญิงคนหนึ่ง...
@ สาระน่ารู้... เขาซื้อทองคำ ขายทองคำ กันอย่างไร?????
@ พี่สาวผมเคยถามผมว่า ทำไมผมจึงฝักใฝ่อยู่กับคุณทักษิณ?????
@ "ลื้อมีร่มมั้ย??..." แค่คำนี้แหละ ที่ทำให้นิสัยผมเปลี่ยนทันที
@ เฮ้อ!! ณ นาทีนี้..บอกได้คำเดียว เสียดาย..เสียดายครับ...นโยบายดีๆที่คน กทม. ไม่เอ๊า..ไม่เอา...
@ ทำความเข้าใจก่อนวิจารณ์ "การลงทุน 2 ล้านล้าน" กับ รัฐมนตรีชัชชาติ สิทธิ์พันธุ์
@ หนีก็ตาย สู้ก็ตาย สู้เถอะ ยังมีศักดิ์ศรี ยังมีโอกาสรอด!!!
@ เขียนให้อ่าน..จากใจ ดร.วีรพงษ์ รามางกูร
@ ทิ้งหนี้ไว้ให้ลูกหลาน โดย ดร.วีรพงษ์ รามางกูร
@ คุณเชื่อใคร.. ระหว่าง กนก ส.ส.ปชป. กับ หัวหน้าวินมอเตอร์ไซค์
@ อะไรคือ มรดกอสูร!!! ใครคือ ทายาทอสูร!!! ดร.โกร่งมีคำตอบ
@ ผงซักฟอกยี่ห้อใหม่ตราตาชั่งเอียงสีฟ้า
@ เป็นเพราะว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเหล่านี้ไม่มีสำนึกในการรักษาความยุติธรรม..และยังทำลายความยุติธรรมด้วยมือของตนเองอีกด้วย...
@ คำแปล ปาฐกถาพิเศษ ปชต."นายกฯยิ่งลักษณ์"ที่มองโกเลีย
@ จดหมายเปิดผนึก.. ส.ส.และ ส.ว.312 คน คัดค้านและไม่ยอมรับการใช้อำนาจที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญของศาลรัฐธรรมนูญ

คลิกที่ภาพ...เพื่อดูขนาดที่ใหญ่ขึ้น @ New!! แจกปฏิทินนายกฯปู พ.ศ.2556 คลิกที่นี่...

คลิกที่ภาพ...เพื่อดูขนาดที่ใหญ่ขึ้น


ชมได้สดๆนับตั้งแต่ตอนนี้ กับรายการพิเศษ ศาลโลกตัดสินคดีพระวิหาร ดำเนินรายการโดย ม.ล.ณัฏฐกรร์ เทวกุล และ พรรณิการ์ วานิช @ คลิกชมที่นี่...


สรุปสาระหลังศาลโลกพิพากษาตัดสิน : ศาลมีอำนาจพิจารณาตีความ แต่เนื้อหาสำคัญคือทางกัมพูชาไม่ได้พื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรตามร้องขอ โดยศาลได้ตัดสินเรื่องเขตแดนในพื้นที่ที่เล็กมาก ยันไทยไม่เสียพื้นที่บริเวณภูมะเขือ และที่สำคัญศาลไม่ได้ระบุว่าแผนที่ 1:200000 เป็นส่วนหนึ่งของคำตัดสินในปี พ.ศ. 2505 เป็นข้อผูกพัน สุดท้ายศาลได้แนะนำให้ทั้งฝ่ายไทย และกัมพูชา ร่วมมือกันดูแลปราสาทพระวิหาร เนื่องจากเป็นมรดกโลก


คลิกที่ภาพ...เพื่อดูขนาดที่ใหญ่ขึ้น

ฮู้ยยยย...สติแตกกันไปหมดแย้วทั้งคนเล่นและกองเชียร์แนวร่วม
By: คนการเมือง

คดีพระวิหาร ... ศาลโลกตัดสินตั้งแต่ปี 2505 ไม่รู้ว่าคุณๆที่ออกมาเย้วๆนี่เกิดแล้วหรือยัง ตอนนั้นผมเรียนชั้นมัธยมยังถูกเกณฑ์ไปเดินขบวนประท้วงด้วย แต่ที่แน่ๆผมบริจาคไป 1 บาท เพื่อให้คนของพรรคประชาวิบัติเป็นทนายไปสู้คดีที่ศาลโลก แต่สู้แพ้ และไม่ได้อุทธรณ์ตามระยะเวลาที่กำหนด(ภายใน 10 ปี)จนหมดเวลา จอมพลสฤษดิ์นายกฯสมัยนั้นที่ว่าแน่ๆยังยอมรับคำตัดสินสั่งถอนทหารถอยออกมาเลย

*** นอกจากจะถูกเกณฑ์ไปเดินขบวนแล้ว นร.ต้องบริจาคคนละ 1 บาทด้วย ตอนนั้นผมได้ค่าขนมวันละ 75 สตางค์ ต้องอดขนมถึง 2 วันได้เงิน 1 บาทไปบริจาคกับเขา อยากรู้ว่าสมัยนั้น 75 สตางค์มีค่าแค่ไหน ตามไปที่นี่ครับ ***

มาถึงวันนี้ผ่านมากี่ รบ.โดยเฉพาะนายกฯที่เป็นของพรรคประชาวิบัติมัวทำอะไรอยู่ เสือกออกมาทำกั๋งเอาตอนนี้ และทำไมต้องปิดบังความจริงกันว่า.. สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทำหนังสือไปถึง เขมร-ฝรั่งเศส ขอไปชมพระวิหาร จนกัมพูชาใช้เป็นเอกสารอ้างกับศาลโลก แต่ที่ช้ำใจตอนสู้คดีฝ่ายเราเองดันไปเซ็นรับรองแผนที่ที่ฝรั่งเศสทำขึ้นแล้วเอาไปยื่นศาลโลกซ้ำเติมเข้าไปอีกดอก ...

ต่อมาหลังทุกอย่างกลับสู่ความสงบ คนไทยไปเที่ยวพระวิหารต้องทำหนังสือผ่านแดน ตม.ไทยไปตั้งโต๊ะอำนวยความสะดวกออกใบผ่านแดนให้ มันเป็นการยอมรับในดินแดนอยู่แล้วว่านั่นคือดินแดนของกัมพูชา มาถึงตอนนี้จะยุให้รบกันอีกรึ??? ผมว่า สู้เจรจาเอาผลประโยชน์ร่วมกันดีกว่ายิงกันนะครับ

พวกคุณๆทั้งหลายจะแถกันไปถึงไหน???ให้ประเทศชาติchipหาย คนไทย-กัมพูชาตรงนั้นเค้าเป็นเขย-สะใภ้กัน ทำมาหากินกันอย่างสงบดีๆอยู่แล้ว

เฮ้ออออออออออออออ...................

หากเราต้องเสียพื้นที่ 4.6 ตร.กม.ให้กัมพูชาไปคราวนี้ ต้นตอก็คือพรรคประชาธิปัตย์!...
By: ปลายอ้อกอแขม เว็บประชาทอล์ค 10พ.ย.56

ผมเชื่อโดยสุจริตใจว่า ณ บัดนี้(10พย.56) ก่อนวันตัดสินของศาลโลก กรณีคดีเขาพระวิหาร นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพรวมทั้งพรรคประชาธิปัตย์ กำลังคิดหา "ชุดคำพูด"แก้ต่างให้กับตัวเอง และขณะเดียวกันก็กำลังคิดหา "ชุดคำพูด"ใส่ร้าย เพื่อโยนกลับให้กับรัฐบาลยิ่งลักษณ์เป็นฝ่ายผิดเสียเอง หากศาลโลกตัดสินเป็น "ผลลบ"กับไทยในวันที่ 11พ.ย.56 นี้ จากนั้นก็จะพามวลชนขับไล่รัฐบาล..ผมเชื่ออย่างนั้น!

แต่หากศาลโลกตัดสินให้เป็น "ผลบวก"กับไทย ก็เชื่ออีกเช่นกันว่า คนทั้งพรรคประชาธิปัตย์ได้เตรียม "ชุดคำพูด"หรูๆเอาไว้ เพื่อยกยอปอปั้นตัวเอง เก่งกล้า สามารถ ฉลาดล้ำเหนือมนุษย์ จนชาวบ้านที่ฟังอยู่อาจอ้วกแตกเป็นลมคาม็อบ จากนั้นก็ชวนมวลชนขับไล่รัฐบาล..เหมือนเดิม

ผมยังเชื่อโดยสุจริตใจอีกว่า 2คนนี้ คือนายอภิสิทธิ์กับนายสุเทพนั้น สามารถทำอะไรก็ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นตรงกันข้ามกับสิ่งที่ตัวเองเคยพูดไว้เสมอโดยไม่มีอาการเคอะเขินแม้แต่น้อย เพราะทั้ง 2 คนนี้ ได้บรรลุแล้วซึ่งความ"ไร้ยางอาย"ทุกอย่าง และเข้าถึงแล้วซึ่ง"ความหน้าด้าน"ทุกชนิด อย่างที่ไม่เคยมีใครๆเคยได้สัมผัส..เลวแบบไร้สารตะกั่ว!

เขาพระวิหาร ถูกศาลโลกตัดสินให้เป็นของกัมพูชาไปแล้วเมื่อปี 2505 ในสมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นนายกรัฐมนตรี โดยสมัยนั้นรัฐบาลแต่งตั้งให้ มรว.เสนีย์ ปราโมทย์ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นทนายแก้ต่างฝ่ายไทย เพราะถือว่าเป็นนักกฎหมายที่เก่งที่สุดในขณะนั้น สุดท้ายก็เสียท่าแพ้คดีหลุดลุ่ย เสียเขาพระวิหาร..เพราะพรรคประชาธิปัตย์

ในปี 2543 มรว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร รมต.ช่วยต่างประเทศ สมัยนายชวน หลีกภัย หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นนายกรัฐมนตรี ได้ลงนามใน MOU43 กับกัมพูชา ยอมรับพื้นที่มาตราส่วน 1:200,000 เป็นเหตุทำให้ไทยเสียดินแดนในทางนิตินัยอย่างสมบูรณ์แบบ แม้โดยพฤตินัยไทยจะยังครอบครองอยู่ก็ตาม แต่ต่อมา เขมรก็ค่อยๆลำเลียงชาวบ้านรุกเข้ามาอาศัยอยู่ในเขตของ MOU43 รอบๆเขาพระวิหาร (พท.4.6ตร.กม.) โดยที่รัฐบาลนายชวน ก็ไม่ได้ตอบโต้แต่อย่างใด จึงเป็นเหตุให้ไทยเสียดินแดนไปโดยปริยายอีก..เพราะพรรคประชาธิปัตย์

ในปี 2550 สมัยรัฐบาลพรรคพลังประชาชนโดยนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี เขมรจะเอาเขาพระวิหารไปขึ้นทะเบียนมรดกโลกพร้อมพื้นที่รอบๆ แต่นายนภดล ปัทมะ รมต.ต่างประเทศ ได้เจรจาขอให้เขมรนำไปขึ้นทะเบียนเฉพาะตัวปราสาทเท่านั้น แต่พื้นที่โดยรอบนั้นถือว่ายังเป็นพื้นที่ทับซ้อน จึงตกลงจะทำเป็นพื้นที่ใช้ประโยชน์ร่วมกัน เป็นข้อตกลงเรียกว่า "แถลงการณ์ร่วม(JOINT COMMUNIQUE)" ซึ่งถือว่าเขมรตกหลุมพรางไทย เพราะยอมรับว่าพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรนั้น เป็น "พื้นที่ทับซ้อน"อยู่ ทำให้ MOU43 ที่นายชวนลงนามไว้มีน้ำหนักน้อยลง เพราะขณะนั้นเขมรไม่เอามาเป็นข้ออ้าง..เป็นคุณกับฝ่ายไทย

ต่อมา ศาลรัฐธรรมนูญ ตัดสินว่า แถลงการณ์ร่วมของนายนพดล ปัมทะ ขัดกับรัฐธรรมนูญมาตรา 190 เพราะไม่ผ่านสภาฯ จึงถือเป็นโมฆะ มีผลทำให้นายนภดลพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีไป ฝ่ายกัมพูชาจึงกลับมายึดถือเอา MOU43 ของนายชวนเป็นหลัก..เหมือนเดิม

ในปี 2551 สมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นนายกรัฐมนตรี ต้องการจะ "เช็คบิล" พรรคพลังประชาชนและอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร และพยายามจะสร้างกระแสชาตินิยมให้กับตนเอง จนเกิดข้อพิพาทครั้งใหม่ มีการยั่วยุ มีคนไทยถูกจับ และมีการปะทะระหว่างทหารตามแนวชายแดน..อุตลุด

นี่เอง จึงเป็นเหตุให้กัมพูชานำคดีเมื่อ 50 ปีที่แล้วขึ้นสู่ศาลโลกอีกครั้ง เพื่อให้ตีความ "พื้นที่รอบเขาพระวิหาร" ให้ชัดเจนว่าควรจะเป็นของใคร และในวันแถลงต่อศาลโลกนั้น กัมพูชาได้กล่าวต่อศาลว่า รัฐบาลอภิสิทธิ์คือต้นเหตุที่ทำให้กัมพูชาต้องนำคดีขึ้นสู่ศาลโลก ในคำบรรยายแถลงศาล กัมพูชาอ้างถึง MOU43 พื้นที่ 1:200,000 ที่เคยลงนามร่วมกับรัฐบาลนายชวน หลีกภัยเป็นหลัก..นี่คือข้อเท็จจริง

เริ่มต้นเมื่อกัมพูชานำคดีขึ้นสู่ศาลโลกใหม่ๆ มีกระแสให้รัฐบาลอภิสิทธิ์ไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก แต่นายอภิสิทธิ์ก็ได้แต่งตั้งทนายไปยื่นคำให้การต่อศาล ก็เท่ากับว่ายอมรับอำนาจศาลไปอีก ส่วนอีกทางหนึ่ง ก็ทำเป็นส่งคนไปกดดันคณะกรรมการภาคีมรดกโลก จะให้ถอนการขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารออก แต่เมื่อไม่สำเร็จ ถึงขนาดนายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนการเจรจามรดกโลกฝ่ายไทย ประกาศกร้าวด้วยการยื่นจดหมายถอนตัวออกจากภาคีมรดกโลก แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ถอนจริง..แค่คำโกหก

เมื่อต่อมาถึงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตรแห่งพรรคเพื่อไทยเป็นนายกรัฐมนตรี ก็เดินตามแนวที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ได้วางไว้ทุกประการ แม้ทีมทนายที่นายอภิสิทธิ์แต่งตั้งไว้ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ แต่ต่างกันที่ความสัมพันธ์ของไทยกับกัมพูชาเป็นไปฉันท์มิตร ไม่มีการสู้รบ ปราสาทเขาพระวิหารก็เปิดให้คนขึ้นไปชมได้ตามปกติ ชาวบ้านตามแนวชายแดนก็อยู่กันอย่างสุขสงบ..รอคำพิพากษา

ศาลโลกนัดตัดสินในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2556 โดยสามัญสำนึกธรรมดาๆ หลายๆฝ่ายเชื่อกันว่า 90% ศาลโลกจะตัดสินมีผลเป็น"ลบ"กับฝ่ายไทย เพราะ MOU43 ที่กัมพูชาถือไว้เป็นคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ อีกทั้งสัมพันธภาพที่ดีของศาลโลกกับฝ่ายกัมพูชา รวมทั้งเหตุการณ์และสภาพแวดล้อมต่างๆที่ปรากฏทางกายภาพ..ไทยไม่น่าจะรอด!

หากโชคดี ศาลโลกอาจเห็นว่าจะเกิดความขัดแย้งถึงขั้นมีสงครามระหว่างประเทศ ศาลอาจบอกว่า ไม่รับตีความ เพราะไม่มีอำนาจ ให้คงอยู่ในสภาพเดิม และให้ไทยกับกัมพูชาไปตกลงกันเอง จะเอาอย่างไร แล้วค่อยมาบอกศาล อย่างนี้ถือว่าเจ๊ากันไป ..ไทยรอดตัว!

แต่หากโชคร้ายขีดสุด ถ้าไทยต้องเสียพื้นที่ 4.6 ตร.กม.ให้กัมพูชาในครั้งนี้ไปอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแล้ว ก็ขอให้รู้ไว้ด้วยว่า "พรรคประชาธิปัตย์นั่นแหละ คือต้นตอแห่งการเสียดินแดนของไทยในปี 2556" โดยนายชวน หลีกภัย เป็นคนเปิดประตู MOU43 ให้กัมพูชาก่อน ส่วนนายอภิสิทธิ์ เป็นคนจูงมือกัมพูชาเข้ามาในบ้าน

โปรดดูหน้าจำหน้ากันไว้ให้ชัดๆ ทั้ง 2 คนนี้ยังมีชีวิตอยู่ ทั้ง 2 คนนี้ยังเป็นนักการเมืองอยู่.. และทั้ง 2 คนนี้ก็อยู่พรรคประชาธิปัตย์!!!

คำถาม : ประเทศไทยไม่เคยยอมรับแผนที่ 1:200,000 มาก่อน ทำไมรัฐบาลถึงยอมให้กัมพูชาเอามาอ้างได้

คำตอบ : หม่อมสุขุมพันธุ์ รมต.ช่วยต่างประเทศ สมัย รบ.ชวน แกไปเซ็น MOU43 รับรองไว้

"(ค) แผนที่ที่จัดทำขึ้นตามผลงานการปักปันเขตแดนของคณะกรรมการปักปันเขตแดนระหว่างสยามกับอินโดจีน ซึ่งจัดตั้งขึ้นตามอนุสัญญาฉบับปี ค.ศ.1904 และสนธิสัญญาฉบับปี ค.ศ.1907 กับเอกสารอื่นที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้อนุสัญญาฉบับปี ค.ศ.1904 และสนธิสัญญาฉบับปี ค.ศ.1907 ระหว่างสยามกับฝรั่งเศส"




แผนที่ "แผ่นดงแร็ก" ๑ ในแผนที่ ๑๑ ฉบับแสดงเส้นพรมแดนระหว่างสยามกับอินโดจีน ทำขึ้นโดยฝรั่งเศสเมื่อปี ๒๔๕๐ ตามแผนที่ฉบับนี้ เส้นพรมแดนบริเวณเขาพระวิหารไม่เป็นไปตามสันปันน้ำซึ่งต่อมากลายเป็นระเบิดเวลาที่ถูกวางไว้ในสายสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา

หลังกรณีพิพาทดินแดนอินโดจีนสงบลงด้วยการที่สยามกับฝรั่งเศสทำสนธิสัญญา ค.ศ.๑๙๐๔ และ ๑๙๐๗ สมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้เสด็จเยือนเขาพระวิหารเมื่อปี ๒๔๗๒ ในภาพคณะของพระองค์ขณะลงจากปราสาทพระวิหารที่ตีนบันได้มีพลับพลาชั่วคราวและเสาธงชาติฝรั่งเศสตั้งอยู่ (ภาพ : หอสมุดดำรงราชานุภาพ)

สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงสนทนากับข้าหลวงฝรั่งเศสบนยอดผาเป้ยตาดี (ภาพ : หอสมุดดำรงราชานุภาพ)

คดีปราสาทเขาพระวิหาร พ.ศ.2505

คดีนี้มีข้อเท็จจริงอยู่ว่า ในช่วงปี พ.ศ.2447 ถึง พ.ศ.2451 ประเทศฝรั่งเศสมีฐานะเป็นรัฐผู้อารักขากัมพูชา ได้ทำสัญญากับประเทศไทยอยู่หลายฉบับ แต่มีสัญญาอยู่ฉบับหนึ่งที่เป็นต้นเหตุของปัญหานี้ คือ สัญญาซึ่งลงในวันที่ 13 กรกฎาคม ปี พ.ศ.2447 มีความตกลงอยู่ว่า พรมแดนที่เป็นปัญหาให้ถือเอาสันปันน้ำเป็นเกณฑ์ในการแบ่งเขตแดน และให้แต่งตั้งคณะกรรมการปักบันเขตแดน เพื่อได้ทำการสำรวจบริเวณพื้นที่แถบนั้น

ต่อมาในปี พ.ศ.2450 ทางการไทยได้ขอให้ทางฝรั่งเศสทำแผนที่พรมแดน ฝรั่งเศสได้จัดทำแผนที่ขึ้นจำนวนหนึ่ง หนึ่งในนั้นเป็นแผนที่ที่ฝรั่งเศสลากเส้นเอาเขาพระวิหาร ซึ่งอยู่ในความครอบครองของประเทศไทย ไปอยู่ในฝั่งเขตแดนกัมพูชาของทางฝรั่งเศสด้วย โดยมิได้ยึดแนวสันปันน้ำเป็นเกณฑ์ (แผนที่นี้ต่อมาเรียกว่า "แผนที่ผนวก 1" (Annex I map))

แม้กระนั้น ทางไทยกลับไม่ได้คัดค้านแผนที่นั้นภายในเวลาอันสมควร คณะกรรมการฝ่ายไทยไม่ได้ดำเนินการใดๆเลย แม้จะไม่ได้แสดงการยอมรับ แต่ก็ไม่ได้ทำการคัดค้านว่าแผนที่ฉบับที่มีปัญหานั้นไม่ถูกต้อง ท่านเสนาบดีกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้นคือ สมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ก็ตรัสขอบใจราชทูตฝรั่งเศสผู้นำส่งแผนที่นั้น และผู้ว่าราชการจังหวัดก็มิได้ทำการทักท้วง

ต่อมา มีการประชุมคณะกรรมการที่กรุงเทพ ฯ ในปี พ.ศ.2452 โดยใช้แผนที่ผนวก 1 นี้เป็นหลัก ก็ไม่มีผู้คัดค้าน (กรมแผนที่เองได้ทำแผนที่ ใน พ.ศ.2480 ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เขาพระวิหารตั้งอยู่ในเขตกัมพูชา)

ปี พ.ศ.2468 มีการจัดทำสนธิสัญญาระหว่างไทย-ฝรั่งเศส โดยมีการอ้างอิงถึงเขตแดนดังกล่าว และในการเจรจาสนธิสัญญาระหว่างไทย-ฝรั่งเศส ณ กรุงวอชิงตัน เมื่อปี พ.ศ.2490 รัฐบาลไทยไม่ได้ประท้วงประเด็นดังกล่าว

นอกจากนี้ สมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ในสมัยที่ดำรงตำแหน่งอภิรัฐมนตรีในสมัยรัชกาลที่ 7 เมื่อปี พ.ศ.2472 ที่เสด็จตรวจโบราณวัตถุสถานมณฑลนครราชสีมา (ลาวกลาง) ได้เสด็จไปยังเขาพระวิหารด้วย และก็ได้ทรงแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ข้าราชการอาณานิคมของฝรั่งเศส ซึ่งผู้สำเร็จราชการฝรั่งเศสรับเสด็จในฐานะทรงเยือนจังหวัดหนึ่งของกัมพูชาก็ได้มาถวายการต้อนรับอย่างเป็นทางการ มีการประดับธงทิวฝรั่งเศสเหนือปราสาทนั้น และก็ได้กลายเป็นหลักฐานอย่างดี ที่เขมรจะนำมาใช้ในการต่อสู้คดีกับไทยในปี 2505 ว่าสยามยอมรับว่า เขาพระวิหารขึ้นอยู่กับอธิปไตยของอีกฟากหนึ่งของพรมแดน

เหตุการณ์ต่างๆเหล่านี้ ทำให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศพิจารณาว่า รัฐบาลไทยในขณะนั้นได้ยอมรับ (acquiese) ว่า ฝรั่งเศส มีอำนาจอธิปไตยเหนือเขาพระวิหารเป็นเวลายาวนานถึง 50 ปีมาแล้ว ตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ว่าด้วยหลักกฎหมายปิดปาก (estoppel)

ปี พ.ศ.2501 หลังจากที่กัมพูชาได้รับเอกราชจากฝรั่งเศส จึงเริ่มมีข้อขัดแย้งเรื่องเขตแดนรอยต่อระหว่างไทยกับกัมพูชา จนกระทั่ง เจ้านโรดมสีหนุ นายกรัฐมนตรีกัมพูชาขณะนั้น นำเรื่องขึ้นเสนอสู่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในปี พ.ศ.2502 โดยใช้แผนที่ผนวก 1 เป็นหลักฐานสำคัญ ซึ่งแม้เส้นเขตแดนบนแผนที่จะไม่ได้ใช้สันปันน้ำเป็นเกณฑ์ แต่แผนที่ฉบับนี้ไม่เคยถูกคัดค้านจากรัฐบาลไทยมาก่อน

ดังนั้นในวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ.2505 ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ จึงได้ตัดสินให้ปราสาทเขาพระวิหารเป็นของกัมพูชา ด้วยคะแนนเสียง 9 ต่อ 3 นอกจากนั้นยังตัดสินด้วยคะแนนเสียง 7 ต่อ 5 ให้ประเทศไทยส่งคืนโบราณวัตถุที่นำออกมาจากปราสาทเขาพระวิหารตั้งแต่ปี พ.ศ.2497 ซึ่งเป็นปีที่ประเทศไทยได้เข้ายึดครองพื้นที่ดังกล่าว

การสูญเสียดินแดนครั้งนี้นับว่าเป็นการสูญเสียดินแดนครั้งล่าสุดของราชอาณาจักรไทย หลังจากที่สูญเสียดินแดนจำนวนมากในสมัยรัชกาลที่ 5


"นพดล"เตือน ปชป.ทำคดีพระวิหารเสียรูปคดี
http://www.matichon.co.th/news

เมื่อวันที่ 14 ม.ค.2556 ที่พรรคเพื่อไทย(พท.) นายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงว่า กรณีนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ระบุว่า กัมพูชาใช้แผน 5 ขั้นเพื่อฮุบที่ดินเขาพระวิหารและพัฒนาพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร ซึ่งนายชวนนท์เคยเข้าไปทำงานในกระทรวงการต่างประเทศ ต้องรู้ว่าปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชาตามคำตัดสินของศาลโลก อุปมาอุปไมย เรื่องนี้ตนขอความเป็นธรรม เรื่องนี้มีศาลพระภูมิและสนามหญ้า ศาลพระภูมิเป็นของกัมพูชา แต่สนามหญ้าเป็นของไทยและกัมพูชาต่างอ้างสิทธิทั้งศาลพระภูมิและสนามหญ้าไปขึ้นทะเบียนมรดกโลก แต่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ได้เจรจากับกัมพูชาสำเร็จ จนกัมพูชายอมรับเป็นครั้งแรกว่า พื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร เป็นพื้นที่ทับซ้อน จึงเกิดคำแถลงการณ์ร่วม ตนขอเรียกร้องไปยัง ปชป.โปรดระวังการกล่าวหาฝ่ายตรงข้าม เพราะคดีความในศาลโลกยังไม่มีการตัดสิน อาจส่งผลเสียต่อรูปคดีได้ ทั้งนี้ หาก ปชป.มีข้อมูลที่คิดว่าเป็นประโยชน์ ก็ควรมอบให้รัฐบาล เพื่อช่วยกันสู้คดีในศาลโลก

นายนพดลกล่าวว่า เรื่องปราสาทพระวิหารมีเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับ ปชป. 6 ข้อที่คนไทยควรรู้ดังนี้

1. ปี 2505 ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช อดีตหัวหน้า ปชป. เป็นหนึ่งในทีมทนาย ที่ว่าความในคดีที่ศาลโลกตัดสินว่าปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชา เมื่อ 50 ปี ที่แล้ว

2. ปี 2553 กัมพูชายื่นเรื่องให้ศาลโลกตีความคำตัดสินเมื่อปี 2505 ในยุคที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี

3. ปี 2543 ปชป.จัดทำเอ็มโอยู 43 ใช้แผนที่ระวาง 1:200,000 เพื่อปักปันเขตแดนไทย-กัมพูชา ทั้งที่ศาลโลกใช้แผนที่มาตราส่วนดังกล่าวตัดสินให้ไทยแพ้คดีและต้องยกปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชาตามคำตัดสินของศาลโลก เมื่อ 50 ปีก่อน

4. ปี 2551 ปชป.เป็นพรรคแรกที่แต่งตั้งนายกษิต ภิรมย์ มาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและด่าผู้นำของประเทศอื่นว่าเป็นกุ๊ย ซึ่งผิดธรรมเนียมทางการทูตอย่างรุนแรง

5. ปี 2553 นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ อดีต ส.ส.กทม.ปชป. ก่อเรื่องรุกล้ำดินแดนกัมพูชา จนทำให้มีคนไทยถูกจับกุมไปขังคุกในเขมร และสร้างความตึงเครียดตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา

6. ปี 2556 พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่เสนอให้ประเทศไทยถอนตัวจากภาคีสมาชิกมรดกโลก ที่จะทำให้ไทยออกจากโลกอารยะ



ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวถึง การแถลงด้วยวาจาของฝ่ายกัมพูชา กรณีปราสาทพระวิหาร ที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือศาลโลก ที่กรุงเฮก เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2556 ว่า จุดอ่อนของไทย และจุดแข็งของกัมพูชา ซึ่งนายฮอร์ นัมฮง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา และ (ศาสตราจารย์ฌอง มาร์ก ซอเรล) ทนายความชาวฝรั่งเศส ผู้เป็นอาจารย์สอนอยู่มหาวิทยาลัยปารีส รุกหนัก ในการแถลงต่อศาล คือ เรื่อง แผนที่ 1 ต่อ 2 แสน ซึ่งประเด็นนี้ มีส่วนสำคัญ ที่ทำให้ผู้พิพากษาในปี 2505 ตัดสินให้กัมพูชาชนะ 9 ต่อ 3 เสียง

ดร.ชาญวิทย์ กล่าวว่า แผนที่ 1 ต่อ 2 แสน นี้ จัดทำขึ้นโดยการสำรวจร่วมกัน ระหว่าง สยามกับฝรั่งเศส โดยตัวแทนฝ่ายสยามคือ เจ้าพระยาวงษานุประพัทธ์ (หม่อมราชวงศ์สะท้าน สนิทวงศ์) เป็นตัวแทนประชุมทุกครั้ง ฉะนั้น แม้จะเป็นแผนที่ ที่พิมพ์โดยฝรั่งเศส แต่ชนชั้นนำสยามในสมัยรัชกาลที่ 5 รับรู้ โดย สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการฯ (พระบิดาแห่งการทูตไทย) รับแผนที่มาใช้ 50 ชุด กรมพระยาดำรงราชานุภาพ รับไปใช้และขอเพิ่ม 15 ชุด นี่คือหลักฐาน ที่ นายถนัด คอมันตร์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รวมถึง ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช และ ทนายความ ไม่เคยบอกประชาชนชาวไทย และทำให้เข้าใจผิดมาจนทุกวันนี้

ดังนั้น ประชาชนชาวไทยไม่ทราบว่า กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการฯ และกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทำอะไร แม้แต่คนในยุคปัจจุบัน ก็ยังไม่ทราบ ส่วนรัฐบาลชุดปัจจุบัน ที่นำโดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็อึดอัด รวมถึงกระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงกลาโหม ก็ ไม่กล้าพูดเรื่องนี้ เพราะอาจจะถูกกล่าวหาว่า "ขายชาติ" หรือ "หนักแผ่นดิน" เนื่องจาก นี่คือ จุดอ่อนของไทย และ จุดแข็งของกัมพูชา ซึ่งฝ่ายกัมพูชา ตอกย้ำเรื่องนี้เยอะมาก

ดร.ชาญวิทย์ มองว่า ตราบใดที่รัฐบาล ฝ่ายค้าน ทหาร นักการเมือง นักวิชาการ และ สื่อมวลชน ไม่พูดเรื่องนี้ ประชาชน ก็จะถูกหลอก ว่าหลักฐานที่กัมพูชากล่าวถึง เป็นแผนที่ของฝรั่งเศส ขณะที่ความจริง คือ เป็นแผนที่ที่สำรวจร่วมกันระหว่างสยามและฝรั่งเศส

ตอนนี้สังคมไทยจึงมีสภาพที่ "ผู้นำสยาม" ยอมรับแผนที่ แต่ "ผู้นำไทย" ไม่ยอมรับแผนที่ ซึ่งฝ่ายไทยจะแถลงอย่างไรยังคงเป็นเรื่อง ต้องจับตาดู

*หมายเหตุ โดย ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ : อนึ่ง ลัทธิชาตินิยมของประเทศเรานั้น ควรแยกแยะให้เห็นชัดเจน คือ สมัยก่อน 2475 นั้น เป็นเรื่องของสมัย "สยาม" และ "ราชาชาตินิยม" เป็นเวอร์ชั่นของรัชกาลที่ 5-6-7 กับสมเด็จกรมฯ เทววงศ์ และ กรมฯ ดำรงฯ สมัย "ราชาธิปไตย" ที่ต้องต่อสู้กับฝรั่งเศส เพื่อรักษา "เอกราช" ต้องยอม "สละ/เสียดินแดน" ให้ฝรั่งเศส ที่มีอำนาจมากกว่า แข็งแรงกว่า

ส่วนสมัยต่อมา กลายเป็น (เปลี่ยนนามประเทศ) เป็น "ไทย" จึงมีลัทธิชาตินิยมใหม่ กลายเป็น "อำมาตยาชาตินิยม" เป็นเวอร์ชั่นของ "เสนาอำมาตย์" เช่น พิบูลสงคราม/วิจิตรวาทการ/ธนิต ที่ต้องการ "ขยาย/ได้ดินแดน" ซึ่งลัทธินี้ถูกสืบทอดโดย สฤษด์/ถนอม/ถนัด รวมทั้งฝ่ายอนุรักษ์นิยม อย่างเสนีย์/คึกฤทธิ์ ปราโมช หรือผู้นำ ปชป อย่างควง อภัยวงศ์ จนถึง อภิสิทธิ เวชชาชีวะ ในปัจจุบันนี้ กลุ่มนี้ต่อสู้กับเขมรกัมพูชา ซึ่งมีอำนาจน้อยกว่า และอ่อนแอกว่า


วันนี้ (22 เม.ย.56) ที่กระทรวงการต่างประเทศ คณะทำงานต่อสู้คดีปราสาทพระวิหาร ซึ่งประกอบด้วย นายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ หัวหน้าคณะทำงาน และทีมทนายความชาวต่างชาติ ซึ่งประกอบด้วย ศาสตราจารย์ โดนัลด์ เอ็ม แม็คเรย์ ศาสตราจารย์ เจมส์ ควอร์ฟฟอร์ด ศาสตราจารย์อแลงต์ แปลเล่ต์ และนางสาวอลินา มิรอง ร่วมแถลงข่าวถึงถ้อยแถลงต่อศาลโลกเรื่องปราสาทพระวิหาร โดยนายวีรชัย กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรี ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และยืนยันว่าตนเองไม่ได้ทำงานคนเดียว แต่มีทีมงานทั้งฝ่ายกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ ฝ่ายความมั่นคง และคณะรัฐบาล ให้การสนับสนุน รวมไปถึงนักวิชาการและสื่อมวลชนที่แสดงข้อคิดเห็นต่างๆ

นายวีรชัย กล่าวถึง วิธีการทำงานของคณะฯ ว่า ให้ทุกคนเขียนถ้อยแถลงของตนเอง และให้เวียนกันแก้ไขถ้อยแถลง จากนั้นจึงส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ฝ่ายความมั่นคง และ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตรวจสอบและแก้ไข

นอกจากนี้ นายวีรชัย ยังกล่าวยืนยันด้วยว่าสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ พระองค์ทรงเป็นนักโบราณคดีอย่างแท้จริง และการในต่อสู้ครั้งนี้ตนได้ชี้แจงให้สาธารณชนทราบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โดยหลังจากนายวีรชัยได้กล่าวแถลงการณ์เป็นที่เรียบร้อยแล้วได้เปิดให้สื่อมวลซักถามเกี่ยวกับรายละเอียดในการต่อสู้คดีครั้งนี้ แต่ทั้งนี้เมื่อสื่อมวลชน ถามถึงผลการตัดสินของศาลโลก นายวีรชัยกล่าวว่า ไม่อยากแสดงความเห็นเพราะเป็นการทำงานของศาลโลก แต่ยืนยันว่าความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชายังคงเป็นไปในแนวทางบวก

เมื่อถามว่า ทำไมจึงฉุกใจว่ามีการปลอมแปลงแผนที่ นายวีรชัย กล่าวว่า ไม่ต้องฉุกใจอะไร เพราะเปิดหลักฐานมาก็เห็นชัดๆ ว่าฝ่ายกัมพูชาปลอมแปลงแผนที่

ส่วนกระแสที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า แถลงการณ์ร่วมสนับสนุนให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก หรือ เอ็มโอยู ปี 2551 ที่ทำในสมัยนพดล ปัทมะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ซึ่งทางฝั่งกัมพูชายกมาเป็นหลักฐานซึ่งส่งผลเสียและเป็นการขายชาตินั้น นายวีรชัย กล่าวว่า ฝั่งกัมพูชาได้ยกเรื่องนี้มาเป็นข้อต่อสู้ในศาลโลก ซึ่งตนก็ได้ชี้แจงในถ้อยแถลงกลับไปแล้วว่า แถลงการณ์ร่วมของคุณนพดลที่ให้กัมพูชาทะเบียนปราสาทพระวิหารให้ขึ้นทะเบียนเฉพาะตัวปราสาท เป็นไปตามเส้นเขตแดนตามมติคณะรัฐมนตรี ปี 2505 ไม่ได้ล่วงล้ำเข้ามาในพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรแต่อย่างใด

จากนั้น ผู้สื่อข่าว ได้สอบถาม นางสาวเอลินา มิรอง ผู้เชี่ยวชาญด้านแผนที่หนึ่งในทีมกฎหมาย ว่าหาหลักฐานเรื่องแผนที่ได้อย่างไร ซึ่งนางสาวมิรอง กล่าวว่า เบื้องต้นได้ปรึกษากับคุณวีรชัย และใช้แผนที่ซึ่งศาลทำไว้ และหาหลักฐานจากแหล่งอื่น เช่น จากหอจดหมายของกรมสนธิสัญญา เพื่อเปรียบเทียบข้อแตกต่างกัน

และเมื่อถามนางสาวมิรอง ต่อไปว่า ทำไมถึงเลือกเธอมาทำงานนี้ นางสาวมิรอง กล่าวอย่างถ่อมตัวว่า คงเป็นเพราะไม่มีคนอื่นมาทำงานนี้แล้ว ซึ่งนายวีรชัย กล่าวเสริมว่า ที่เลือกนางสาวมิรองมาทำงานนี้เพราะเห็นว่าเธอมีความพร้อม

ส่วนบทบาทของทีมทนายต่อจากนี้ นายวีรชัย กล่าวว่าจะทำการเผยแพร่ความรู้แก่ประชาชนไทยให้พร้อมรับคำตัดสินของศาลโลกได้ทันทีเมื่อคำตัดสินออกมา ส่วนที่ศาลให้ส่งการตีความคำว่า "พื้นที่บริเวณปราสาท" ของฝ่ายไทยนั้น ยังไม่ขอให้ข้อมูลตอนนี้เพราะจะมีผลกับรูปคดี

เมื่อการแถลงข่าวเสร็จสิ้น นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกฯ และรัฐมนตรีต่างประเทศได้มอบดอกไม้แสดงความขอบคุณให้กับคณะทีมกฎหมายของไทย



คลิกที่นี่...
@ ถ่ายทอดสดจากกรุงเฮก ตามตารางเวลา & @ ดูย้อนหลัง..ถ่ายทอดจากกรุงเฮก

ต่อ...


เปิดใจ "พงศพัศ พงษ์เจริญ" ว่าที่ผู้ว่าฯกรุงเทพมหานคร (ย่อมรับคนนี้เก่งจริง)

...เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ครั้งนี้ ชาวกรุงเทพฯ อยากเห็นผู้สมัครที่มีความรู้ความสามารถ ดูแล้วมีความหวัง สามารถเปลี่ยนแปลงกรุงเทพฯ และชีวิตความเป็นอยู่ให้พวกเขา... พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า ถ้าได้รับเลือกตั้งจะเร่งดำเนินการเรื่องขนส่งมวลชน โดยเฉพาะรถเมล์ไม่ปรับอากาศฟรี ส่วนรถปรับอากาศจะคิดราคา 10 บาทตลอดสาย เรือข้ามฟากเรือคลองแสนแสบให้บริการฟรีหมด ส่วนรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ส่วนป้ายรถเมล์หลายพันจุดก็จะจัดระเบียบใหม่ ไม่ให้วิ่งทับซ้อนกัน จะเพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุโดย กทม.จ่ายส่วนต่างที่เพิ่มขึ้น

@ เปิดใจ "พงศพัศ พงษ์เจริญ" ว่าที่ผู้ว่าฯกรุงเทพมหานคร (ย่อมรับคนนี้เก่งจริง)