. . . ร่วมด้วยช่วยกันเผยแพร่สื่อสารถึง"คนเสื้อแดง"ทั่วไทยและทั่วโลก . . . ขอขอบพระคุณเจ้าของclipภาพถ่ายและบทความทุกๆท่านที่กรุณาเอื้อเฟื้อแบ่งปัน . . .น้ำใจซื้อขายไม่ได้ แต่น้ำใจให้กันได้...อิอิ
DisplayUs.com

  

. . . รณรงค์พี่น้อง"คนเสื้อแดง"77จังหวัดทั่วไทย 3กรกฎาเข้าคูหากาเบอร์1 ส.ส.เพื่อไทย และกาเบอร์1 พรรคเพื่อไทย ให้จัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว . . .

Playlist เลือกดูได้... 200 Clip สัมภาษณ์-ปราศรัย-วิสัยทัศน์ คุณปู "ยิ่งลักษณ์...ยิ่งดู...ยิ่งรัก"
  
[คลิกที่นี่...เว็บแรงงานนอกระบบ]
  

@ ปู้นนน...!!! คนเมืองใต้เจียงใหม่ของหมู่เฮาลงไปตางปู๊นนน..... * * @ 2กุมภา..กาเบอร์ 15 ทั้ง ส.ส.เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย


PlayListนี้ เริ่มต้นด้วย "เล่าเรื่อง ตาดูดาวเท้าติดดิน" เรียงลำดับตั้งแต่ ตอนแรก ถึง ตอนปัจจุบัน ..ท้ายเพลย์ลิสท์เป็นคลิป "เมื่อศาลรัฐธรรมนูญกระทำขัดรัฐธรรมนูญ : จะทำอย่างไร?" วันพุธที่ 1 พฤษภาคม 2556 เวลา 13.00 - 16.00 น. ห้องกมลทิพย์ ชั้น 2 โรงแรมสุโกศล (สยามซิตี้เดิม) คลิปนี้..วิทยากร รศ.ดร.วรเจตน์ ภาคีรัตน์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แสดงความคิดเห็นเริ่มนาที 0:14:24
คลิกที่นี่ ดูบนyoutube...
หรือคลิกที่นี่.. @ AsiaUpdate "เล่าเรื่อง ตาดูดาวเท้าติดดิน"

คลิกที่นี่ ดูบนyoutube...

คลิกที่นี่ ดูบนyoutube...

วันพุธที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2555

ตอแหล ตลบตะแลง กวนตีน สิ่งที่ไอ้ฟักและพรรคของมันคิดว่าเท่เหลือเกินในสภา

@ 4 ข้อเสนอนิติราษฎร์ "ลบล้างผลพวงรัฐประหาร 19 กันยา"
@ "วรเจตน์" ฝ่าศึกสหบาทา: ร้องว่าผมเนรคุณ แต่คุณยืนให้สูงเพื่อบอกว่าจงรักภักดี โดยเหยียบหัวผมขึ้นไป
@ 027 Pictures...Bangkok Underwater 26 October 2011
@ 029 ชมภาพชุด! นายกฯปูลงเรือเยี่ยมประชาชนเขตดอนเมืองที่ถูกน้ำท่วมขัง...และภาพสวยๆจากสื่อมะกัน
@ ชมภาพสวยๆทั้ง 3 ชุด บาหลี-ต้อนรับฮิลลารี-บันคีมูนที่ทำเนียบฯ
@ ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน บรูไน, อินโดนีเซีย, กัมพูชา, ลาว, เมียนมาร์ ชุดที่1
@ ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน เวียดนาม ชุดที่2
@ ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน สิงคโปร์ ชุดที่3
@ ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน อินเดีย ชุดที่4
@ ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน ฟิลิปปินส์ ชุดที่5
@ ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์ร่วมประชุมที่สวิสเซอร์แลนด์ ชุดที่6
@ ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน มาเลเซีย ชุดที่7
@ ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน ญี่ปุ่น ชุดที่8
@ ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน เกาหลีใต้ ชุดที่9
@ ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์สวมชุดนักบินเหินฟ้าชมการใช้กำลังทางอากาศ
@ ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือนกองทัพไทย
@ ภาพชุดงานสโมสรสันนิบาต วันเฉลิมพระชนมพรรษา 5ธ.ค.2554
@ 81 ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร...‘ดรัมเมเยอร์-ไทยแลนด์แบนด์’
@ เมื่อผมไปอเมริกาครั้งแรกเมื่อเดือน มกราคมปี 1972.....ผมมีเงินติดตัวไป $80.00
@ 82 ชีวิตหมอที่ไม่ได้ไปอเมริกา By: kimeng suk
@ 54... "นายกฯปู" สวมชุดนักบินเหินฟ้าชมการใช้กำลังทางอากาศ
@ 55... มาร์คครับ หยุดใช้วาทกรรมแก้รัฐธรรมนูญทำให้สังคมเกิดความขัดแย้งเลยครับ
@ 11 "ปู"พา"ไปป์"ไปญี่ปุ่นด้วย ให้พี่เลี้ยงพาเที่ยวแทน
@ 84 คุณชวนนท์ครับ ออกมาดูโลกภายนอกบ้างเถอะครับ
@ 12 เคยเห็นมั้ย!! แมงสาปดิ้นใน"บ้านทรายทอง"กรุงโตเกียวญี่ปุ่นโน่น...
@ 80 สังคมไทยป่วย หรือเป็นผลผลิตจากการโฆษณาชวนเชื่อมาอย่างยาวนาน
@ สิ่งสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งในใจของคนเป็นหมอ...คือการได้ทำตามคำสั่งสุดท้ายของคนไข้นั่นเอง
@ อาข่า...พาไปชมตลาด...มาดูว่าข้าวของไม่ได้แพงอย่างสลิ่มว่านะ
@ ยาจีนโบราณ ไข่ไก่ดิบดองน้ำส้มสายชูหมัก กินแล้วหายหลายโรค
@ ลูกเล่นใหม่ GoogleMap ดูได้รอบทิศทาง360องศาหน้าบ้านตัวเอง-คนอื่น
@ แม่ค้ารุมกรี๊ด! ภาพนายกฯปู กินก๋วยเตี๋ยว-เดินตลาดนางเลิ้ง
@ "ไหว้พี่เค้าสิ"....วลีนี้บาดลึกและสะเทือนไกลไปถึงไหน
@ ไป ตรัง มา มีเรื่องมาเล่าให้ฟังนิดหน่อยไป ตรัง มา มีเรื่องมาเล่าให้ฟังนิดหน่อย
@ ปี๋เก่าก็ล่วงไปแล้ว ปี๋ใหม่แก้วก็มาฮอดมาเติง...
@ คลิปและภาพนายกฯปูเล่นสงกรานต์ที่เชียงใหม่
@ คลิปนายกฯทักษิณร้องเพลงเวทีคนเสื้อแดงที่กัมพูชา
@ เปิดตัว "เอ็มแรป" โมเดล! สุดคุ้มขึ้นค่าแรง 300 บาทบริษัทโชว์กำไรพุ่ง

คลิกที่ภาพ...เพื่อดูขนาดที่ใหญ่ขึ้น @ โหลดเก็บไว้ในcomเชิญคลิกที่นี่...



ตอแหล ตลบตะแลง กวนตีน สิ่งที่ไอ้ฟักและพรรคของมันคิดว่าเท่เหลือเกินในสภา
By: Bugbunny

โชคร้ายหรือโชคดีก็ไม่ทราบที่บังเอิญผมกำลังขับรถอยู่และรถโคตรติดแถวสุขุมวิทเมื่อคืน ทำให้ได้รับฟังและรับรู้สันดานถ่อยๆของไอ้ฟักมาร์กและพวกพรรคแมลงสาปในสภาที่กำลังขอให้มีการเลื่อนญัตติว่าด้วยการปรองดองของกรรมาธิการสภาขึ้นมาก่อนญัตติอื่นอย่างชัดเจนและรู้สึกว่าพรรคนี้และเศษมนุษย์พวกนี้มันทั้ง ตลบตะแลง ตอแหล และกวนตีนทุกรูปแบบจริงๆ โดยเฉพาะไอ้ฟักมาร์กนั้นตลบตะแลงตอแหลดื้อๆ แบบหน้าด้านยิ่งกว่าส้นเกือกเสียอีก

ตัวผมและอีกหลายคนไม่ได้นิยมชมชอบพลเอกสนธิ หัวหน้า คมช. แน่นอน พิสูจน์ได้ด้วยการร่วมกันออกมาต่อต้านสิ่งที่แกทำตั้งแต่ต้น แต่เมื่อคืนรู้สึกสงสารแกนิดหน่อย โดยเฉพาะช่วงที่มาอภิปรายเพื่อบอกในทำนองว่า แกไม่ใช่นักการเมืองอาชีพ และมีการตกลงกันในที่ประชุมกรรมาธิการให้คนกลางอย่างสภาบันพระปกเกล้ามาทำวิจัย เนื่องจากถ้าหาข้อสรุปกันเอง ทะเลาะกันตายในวงกรรมาธิการแน่ ทุกคนก็โอเค นี่หมายถึงกรรมาธิการสายพรรคแมลงสาปด้วยนะ

เท่านั้นแหละสันดานตลบตะแลง ตอแหล กวนตีน ของไอ้ฟักมาร์ก พุ่งปรี๊ดขึ้นมาทันที รีบออกมาอภิปรายกล่าวหาว่าพลเอกสนธิดูหมิ่นบรรดานักการเมือง โธ่ไอ้สารพัดสัตว์เอ๊ย ผมไม่ได้ยินพลเอกสนธิแกพูดด่านักการเมืองสักคำ แกมีแต่พูดว่า สส.ในสภาคือผู้ทรงเกียรติ และแกไม่ใช่นักการเมืองอาชีพเท่านั้น แต่ไอ้ฟักมาร์กมันรีบทำเรื่องกระจอกให้เป็นเรื่องอีแร้งทันที นี่แหละชัดเจนว่ามันทั้งตลบตะแลง ตอแหล และกวนตีนประชาชนไปวันๆยังไง

ถึงตอนนี้ผมรับไม่ได้อย่างมาก เปลี่ยนไปฟังเอ็มพีสามแทน เพราะรู้สึกทู่เรศเหลือเกิน



แล้วพอมาดูข่าวเมื่อเช้า เห็นภาพพวก สส.ในพรรคแมลงสาป เข้าไปรุมล้อมด่าทอพลเอกสนธิรอบที่นั่งของแกกลางสภา ผมถึงได้ถึงบางอ้อว่า ไอ้พรรคนี้นี่มันรวมพวกอัปรีย์จริงๆ นี่สภานะครับ ไม่ใช่ซ่อง[xxx] จะได้เข้าไปรุมด่ากันแบบนี้ สงสัยไอ้พวกนี้มันเคยคุมซ่อง[xxx]หรือเคยเป็น[xxx]เก่ากันมาก่อนทั้งนั้นก็ไม่รู้

ที่จริงไอ้ฟักมาร์กและพรรคแมลงสาปนั้นพลาดท่าในทางการเมืองไปแล้ว ที่เข้าร่วมเป็นกรรมาธิการ และเข้าร่วมประชุมมาตลอด จนประชุมครั้งสุดท้ายผลการศึกษาและความจริงเปิดออกมา พวกเอี้ยนี่ไม่รู้จะทำอย่างไรก็ออกมาแถลงว่าขอลาออกจากกรรมาธิการ แต่เมื่อก่อนเสือกร่วมประชุมรับเบี้ยประชุมมาไม่รู้กี่สิบครั้ง ครั้นพอผลการศึกษาที่ตัวเองก็รู้เรื่องมาตลอดอยู่ด้วยออกมาไม่ถูกใจ ก็มาลาออก กระจอกว่ะ ก็ทำไมไม่ลาออกเสียแต่แรกล่ะ

ตอนนี้ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็เลยมาแสดงอาการตลบตะแลง ตอแหล และกวนตีนประชาชนกันใหญ่ เพื่อยื้อการปรองดองให้นานที่สุด ทั้งนี้และทั้งนั้นก็เพราะมันกลัวกันทั้งพรรคนั่นแหละว่าจะต้องมีคนเข้าคุก ถ้ามีการปรองดองตามหลักการสากลเกิดขึ้น เพราะพลเอกสนธิพูดไว้อย่างชัดเจนว่า คณะผู้วิจัยได้มีการหาข้อมูลจากสิบประเทศทั่วโลกมาเป็นแนวทางนำเสนอผลการวิจัยเรื่องการปรองดองนั่นเอง

ที่จริงญัตติเมื่อคืนนั้น ก็มีสภาพเพียงการขอเลื่อนเรื่องขึ้นมาพิจารณาก่อนเรื่องอื่นเท่านั้น พวกคุณไม่เอาก็โหวตไม่ให้เลื่อน โหวตแพ้เขาก็ต้องยอมรับ เรื่องมันเท่านั้นแหละ และเมื่อคืนผลก็ออกมาอย่างนั้นจริงๆ



ประชุมรัฐสภาป่วน ปชป.ตะโกนด่าบิ๊กบังทรราชย์
By: ข่าวสด

เมื่อ 27 มี.ค.2555 ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ในฐานะประธาน กมธ.ปรองดอง ชี้แจงระหว่างการประชุมร่วมรัฐสภา โดยกล่าวถึงกรณีส.ส.ประชาธิปัตย์ลาออกจากกรรมาธิการปรองดอง ว่า ทุกครั้งที่มีการอภิปรายพาดพิงตนทั้งในและนอกสภา ตนไม่เคยตอบรับหรือแก้ตัว เพราะความจริงคือความจริง ตลอดเวลาตนจะไม่เคยพูดอะไรในห้องประชุมแห่งนี้ที่ถือเป็นสถานที่ที่มีเกียรติ ทุกครั้งที่มีการอภิปรายจะเห็นว่าตนไม่ได้ต่อล้อต่อเถียงแก้ตัวใดๆ ตนได้อาสาเข้ามาเป็นประธาน กมธ.ปรองดองด้วยตัวของตัวเอง ตนมีที่มาจากดินทำทุกอย่างในชีวิตด้วยความซื่อสัตย์สุจริตต่อบ้านเมือง เมื่อสักครู่หลายคนได้เดินมาที่หน้าตนและระบุว่าที่ผ่านมาได้ชื่นชมแต่วันนี้หมดแล้วสิ่งที่ได้ชื่นชมวันนั้นนี่คือความจริงที่ปรากฏทุกคนจะได้รู้จักตนว่าในแก่นแท้มีหลายอย่างที่ยังไม่รับทราบ

"ผมเห็นบ้านเมืองมีความแตกแยกครั้งแล้วครั้งเล่าวันที่ 20 ก.ย. 2549 จะฆ่ากันอยู่ ผมวางคออยู่บนเขียง ถามว่าใครรับผิดชอบ ผู้ใหญ่ทางฝ่ายค้านก็รู้เรื่องนี้ดีว่าผมอาสาทำ ความขัดแย้งต่อเนื่องมาถึงวันนี้ต้องถามว่าผู้นำเราแต่ละคนมีความตั้งใจจะสร้างสังคมเป็นสังคมของความรักหรือไม่จนถึงวันนี้มีนายกฯผ่านมา 5 คนสถานการณ์ก็ยังเป็นแบบเดิม ผมเสียใจที่พี่น้องประชาชนไทยเห็นผมและเพื่อนๆ ทุกคนที่นี่กำลังทำอะไรกันอยู่ ความขัดแย้งมันไม่ได้มีข้างนอกเลย มันอยู่ในนี้และขยายไปข้างนอก" พล.อ.สนธิกล่าว

พล.อ.สนธิกล่าวว่า ที่ผ่านมาตนพยายามคุยกับสมาชิกหลายๆ คนให้มาช่วยสนับสนุนตนในการเดินหน้ากระบวนการปรองดอง โดยรู้ว่าการจะทำสิ่งนี้ให้สำเร็จนั้นต้องมีการล็อบบี้กับทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายรัฐบาลได้การสนับสนุนตนจนนำไปสู่การยื่นญัตติเพื่อตั้งกรรมาธิการปรองดอง กระบวนการทุกอย่างเป็นไปด้วยความตั้งใจที่จะทำให้ความปรองดองเกิดขึ้นจริง

พล.อ.สนธิกล่าวว่า หลังที่สถาบันพระปกเกล้าส่งผลวิจัยมาให้ มีเรื่องของ คตส. นายสุทัศน์ เงินหมื่น ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่ากรรมาธิการไม่ใช่บุรุษไปรษณีย์แต่ควรนำเรื่องนี้มาพูดคุยและวิเคราะห์กัน ตนจึงขอให้ทุกคนลงความเห็นว่ามีข้อคิดอะไรเสนอใครจะเอาอย่างไร แต่ยืนยันว่าเราจะไม่ลงมติ หลายคนคิดว่าสถาบันพระปกเกล้าเป็นเครื่องมือของกลุ่มบุคคล และคิดว่าความคิดของฉันถูกของสถาบันพระปกเกล้าผิด ผลงานเชิงวิชาการจะผิดได้อย่างไร เมื่อผลการวิจัยเป็นอย่างไรกรรมาธิการก็ต้องส่งเอกสารทั้งหมดเข้าสู่สภา แต่ถ้ามาคุยกันอีกในภายหลังก็จะเกิดความขัดแย้งเกิดขึ้น

"ท่านหัวหน้าฝ่ายค้านผมเคารพรักท่าน ฝ่ายค้านทุกท่านรู้ว่าผมรักท่านมากแค่ไหน ผมมีเจตนาดี อยากเห็นความปรองดองจึงส่งผลวิจัยทั้งหมดเข้าสภาโดยเร็วที่สุดในชีวิต" พล.อ.สนธิกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงที่นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานในที่ประชุมสั่งพักการประชุม บรรยากาศในห้องประชุมก็วุ่นวายเล็กน้อย โดย ส.ส.ในซีกพรรคประชาธิปัตย์ต่างจับกลุ่ม หารือ โดยมุ่งไปที่ประเด็นกรณีประธานทำหน้าที่ไม่เป็นกลางในการประชุม พร้อมตะโกนกล่าวหาว่า ประธาน ทำหน้าที่ไม่ได้ ไม่สามารถควบคุมการประชุม ขณะเดียวกันก็มี ส.ส.ในซีก ปชป.บางคนตระโกนด่า พล.อ.สนธิ ว่า “ทรราชย์” บางคนก็เรียก “พลทหาร”

ขณะเดียวกัน พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคมาตุภูมิ ในฐานะประธานกรรมาธิการฯปรองดองที่นั่งประจำที่ ก็มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก เพราะ ส.ส.ในซีก ประชาธิปัตย์ ต่างยืน และถ่ายรูป พร้อมตะโกนโห่ขับไล่ตลอดเวลา เวลาเดียวกัน กลุ่ม ส.ว. 40 นำโดย นายคำนูณ สิทธิสมาน นางรสนา โตติตระกูล ก็เดินเข้ามาพูดคุยและหารือ โดยที่ สว.ในกลุ่มทหาร ก็มาจับมือให้กำลังใจ พล.อ.สนธิ โดยมี ส.ส.ในซีกพรรคเพื่อไทย นำโดย นายชวลิต วิทยสุทธิ์ นายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ นายสุนัย จุลพงศธร นายไพจิต ศรีวรขาน ก็เดินเข้ามาให้กำลังใจ และปลอบ พล.อ.สนธิ จึงมีสีหน้าดีขึ้นเมื่อ น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย บุตรสาว “เสธ.แดง”พล.ต.ขัตติยะ ก็เข้ามาจับมือให้กำลังใจพล.อ.สนธิ อย่างไรก็ตามหลังจาก นายสมศักดิ์ ได้เปิดให้ประชุมต่อ ก็มีเสียงโห่จากฟากพรรคประชาธิปัตย์ตลอด

เวลา 19.40 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า วันนี้สิ่งที่ตนรอคือรอฟังคำตอบจากประธาน กมธ.ปรองดอง แต่กลับอภิปรายเกินเลยไปมาก และไม่สบายใจถึงเรื่องที่ พล.อ.สนธิ มองว่า นักการเมืองวิชาชีพเป็นคนดีไม่ได้ ซึ่งตนเห็นว่าแต่ละคนย่อมมีอุดมการณ์ของตัวเอง แม้ว่าจะต่างพรรคต่างจุดยืนก็ตามที ทั้งนี้ ในส่วนรายงานผลการศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาตินั้นตนเห็นว่าถูกนำมาใช้ไม่ตรงตามเจตนารมณ์ซึ่งความปรองดองก็คงไม่เกิดจึงอยากให้มีการถอนรายงานเพื่อกลับไปทำให้ถูกต้องก่อนดีกว่าหรือไม่ซึ่งจะเชิญเราที่ลาออกจาก กมธ.ไปแล้วมาร่วมรับฟังใหม่ก็ได้เราก็ยินดีถ้าจริงใจก็ขอให้ตอบรับเพราะนี่คือหนทางปรองดองมากกว่า เพื่อให้เกิดบรรยากาศการสร้างความปรองดองที่ดี ไม่ใช่มาเปลี่ยนเจตนารมณ์คณะผู้ทำงานและสถาบันพระปกเกล้าเช่นนี้แล้วมาโยนมาเป็นเสียงข้างมากของสภา ซึ่ง พล.อ.สนธิ อาจกลายเป็นต้นเหตุของความขัดแย้งในสังคมรอบใหม่เองได้

เวลา 20.30 น. นายวัฒนา เมืองสุข ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานกรรมาธิการปรองดองฯ กล่าวว่า ยืนยันว่า รายงานวิจัยสถาบันพระปกเกล้าส่งมอบให้คณะกรรมาธิการเรียบร้อยแล้ว ซึ่งกรรมาธิการฯมีข้อสังเกตให้รวบรวมข้อเสนอทั้งหมดของสถาบันพระปกเกล้าเสนอต่อสภาฯ แต่นายสุทัศน์ เงินหมื่น กรรมาธิการของพรรคประชาธิปัตย์ เสนอเองว่า กรรมาธิการไม่ใช่ไปรษณีย์ จึงควรมีความเห็นทางใดทางหนึ่งเสนอต่อสภาฯด้วย ถ้าถามว่า กรรมาธิการเสนอมติมาได้ยังไง ต้องถามคนในพรรคประชาธิปัตย์ว่า เสนอมาได้ยังไง คนที่เรียนกฎหมายต้องเข้าใจหลักนิติธรรม ถ้าไม่เข้าใจก็เป็นแค่คนหัวหมอ ยืนยันว่า สิ่งที่ทำในกรรมาธิการฯถูกต้องแล้ว มีการประชุมครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 20 มี.ค. เมื่อกรรมาธิการประชาธิปัตย์ลาออก ก็ต้องไปพิจารณารายงานในที่ประชุมสภา

จากนั้นสมาชิกสองฝ่ายต่างชี้แจงรายงานของคณะกรรมาธิการว่ารับรองถูกต้องหรือไม่ โดยส.ส.พรรคเพื่อไทยยืนยันว่าเป็นรายงานที่รับรองถูกต้อง แต่ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ยังคงค้านว่าเป็นรายงานที่ไม่ได้รับรอง จนเวลา 21.20 น. นายสมศักดิ์ สั่งให้ลงมติว่าจะเลื่อนญัตติของนายอภิสิทธิ์ ที่เสนอให้เลื่อนการพิจารณารายงานของ กมธ.ปรองดองออกไปก่อน โดยที่ประชุมเห็นด้วย 173 ไม่เห็นด้วย 346 งดออกเสียง 6 และลงมติในญัตติของ น.พ.ชลน่าน ว่าให้เลื่อนรายงานของ กมธ.ปรองดองมาพิจารณาก่อน ด้วยคะแนน เห็นด้วย 348 ไม่เห็นด้วย 162 งดออกเสียง 112


สส.พล.อ.สนธิ อภิปรายในสภา บอกว่า สส.ปชป.ทุกท่านรู้ดี ว่า ผมรักท่านผู้นำฝ่ายค้านมาก
By: doctorve

ดีนะ ที่ผู้นำเด็ก ฝ่ายค้าน ไม่สวนมาว่า อย่ามาลำเลิกบุญคุณ

เพราะเเม้ว่า ทรท. จะถูกยุบหลัง มรึงยึดอำนาจ และ ทำกฎหมายเลือกตั้งใหม่ เอื้อ ต่อพรรค กรู

แต่หลังจัดการเลือกตั้งกรูก็แพ้ พรรค ทักษิณ อยู่ดี

แม้ภายหลัง กรูจะอาศัย อำนาจพิเศษ ช่วยกรูเป็นนายก แต่พอกรู ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ กรูก็แพ้อีก

แถม กรูต้องถูกตราหน้าว่า เป็น ไอ้ฆาตรกร สั่งฆ่าประชาชน รอวันขึ้นตะเเลงแกรง

กรูไม่เห็นด้วยกับเสียงข้างมากในสภา เพราะกรูถือว่า พวกมันไม่มีเหตุผล พวกมากลากไป

เลือกตั้งสมัยหน้า กรู จะส่ง ผู้สมัครพรรคกรู ลงรับเลือกตั้งไม่เกิน 250 คน

น่าสงสาร สส.พล.อ.สนธิ อดีตหัวหน้าเผด็จการทหาร ที่เคยยิ่งใหญ่เกรียงไกร หลังการยึดอำนาจได้

ตอนนั้น ถนน ทุกสาย มุ่งสู่ เธอ ทั้ง ลาภ ยศ สรรเสริญ

พอหมดอำนาจ ลง ทุกอย่างเปลี่ยนไป คนที่เคยได้รับประโยชน์ ที่เธอ ทำให้

เดี๋ยวนี้ กลับมองเป็นอื่น เป็นทหารแก่ไร้ค่า ไร้ราคา ถูกด่าเป็น เผด็จการ ทรราชย์ เฉย




วันอังคารที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2555

นิก นอสติทซ์ "ผมมาทำตามหน้าที่ของความเป็นมนุษย์"

@ 4 ข้อเสนอนิติราษฎร์ "ลบล้างผลพวงรัฐประหาร 19 กันยา"
@ "วรเจตน์" ฝ่าศึกสหบาทา: ร้องว่าผมเนรคุณ แต่คุณยืนให้สูงเพื่อบอกว่าจงรักภักดี โดยเหยียบหัวผมขึ้นไป
@ 027 Pictures...Bangkok Underwater 26 October 2011
@ 029 ชมภาพชุด! นายกฯปูลงเรือเยี่ยมประชาชนเขตดอนเมืองที่ถูกน้ำท่วมขัง...และภาพสวยๆจากสื่อมะกัน
@ ชมภาพสวยๆทั้ง 3 ชุด บาหลี-ต้อนรับฮิลลารี-บันคีมูนที่ทำเนียบฯ
@ ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน บรูไน, อินโดนีเซีย, กัมพูชา, ลาว, เมียนมาร์ ชุดที่1
@ ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน เวียดนาม ชุดที่2
@ ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน สิงคโปร์ ชุดที่3
@ ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน อินเดีย ชุดที่4
@ ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน ฟิลิปปินส์ ชุดที่5
@ ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์ร่วมประชุมที่สวิสเซอร์แลนด์ ชุดที่6
@ ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน มาเลเซีย ชุดที่7
@ ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน ญี่ปุ่น ชุดที่8
@ ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน เกาหลีใต้ ชุดที่9
@ ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์สวมชุดนักบินเหินฟ้าชมการใช้กำลังทางอากาศ
@ ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือนกองทัพไทย
@ ภาพชุดงานสโมสรสันนิบาต วันเฉลิมพระชนมพรรษา 5ธ.ค.2554
@ 81 ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร...‘ดรัมเมเยอร์-ไทยแลนด์แบนด์’
@ เมื่อผมไปอเมริกาครั้งแรกเมื่อเดือน มกราคมปี 1972.....ผมมีเงินติดตัวไป $80.00
@ 82 ชีวิตหมอที่ไม่ได้ไปอเมริกา By: kimeng suk
@ 54... "นายกฯปู" สวมชุดนักบินเหินฟ้าชมการใช้กำลังทางอากาศ
@ 55... มาร์คครับ หยุดใช้วาทกรรมแก้รัฐธรรมนูญทำให้สังคมเกิดความขัดแย้งเลยครับ
@ 11 "ปู"พา"ไปป์"ไปญี่ปุ่นด้วย ให้พี่เลี้ยงพาเที่ยวแทน
@ 84 คุณชวนนท์ครับ ออกมาดูโลกภายนอกบ้างเถอะครับ
@ 12 เคยเห็นมั้ย!! แมงสาปดิ้นใน"บ้านทรายทอง"กรุงโตเกียวญี่ปุ่นโน่น...
@ 80 สังคมไทยป่วย หรือเป็นผลผลิตจากการโฆษณาชวนเชื่อมาอย่างยาวนาน
@ สิ่งสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งในใจของคนเป็นหมอ...คือการได้ทำตามคำสั่งสุดท้ายของคนไข้นั่นเอง
@ อาข่า...พาไปชมตลาด...มาดูว่าข้าวของไม่ได้แพงอย่างสลิ่มว่านะ
@ ยาจีนโบราณ ไข่ไก่ดิบดองน้ำส้มสายชูหมัก กินแล้วหายหลายโรค

คลิกที่ภาพ...เพื่อดูขนาดที่ใหญ่ขึ้น @ โหลดเก็บไว้ในcomเชิญคลิกที่นี่...


บันทึกคำให้การ "นิก นอสติทซ์" คดีฆ่า "ลุงชาญณรงค์" สำนวนแรก 16 ศพ
By: มติชนออนไลน์

นิก นอสติทซ์ ช่างภาพอิสระ ชาวเยอรมัน ผู้เห็นเหตุการณ์ ผู้ที่ถ่ายภาพ และเป็นช่างภาพคนแรกที่ตามหา บุคคลในภาพที่เขาถ่ายคือนายชาญณรงค์ พลศรีลา ซึ่งโดนเจ้าหน้าที่ของรัฐ ในชุดเขียว ไม่ใช่ชายชุดดำ ยิงเสียชีวิต ต่อหน้าต่อตาของเขา

นิก ตอบคำถามนักข่าวว่าทำไม ถึงได้เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเล มาเป็นพยานให้ความเป็นธรรมกับ วิญญาณของนายชาญณรงค์ ซึ่งทั้งคำให้การ ทั้งภาพถ่าย ที่นิกได้บันทึกเอาไว้ ทรราชย์ไม่ว่าหน้าไหน ไม่สามารถจะปฏิเสธได้เลยว่า "ไม่ได้ไล่ฆ่าประชาชน...."

นายนิกตอบคำถามนักข่าวสั้นๆ แต่ไม่ต้องมีคำอธิบายใดๆ ว่า "ผมมาทำตามหน้าที่ของความเป็นมนุษย์"


เป็นคดีแรกจากจำนวน 16 ศพม็อบเสื้อแดงที่เสียชีวิตจากเจ้าหน้าที่รัฐเมื่อปี 2553 นั่นคือคดีฆ่า นายชาญณรงค์ พลศรีลา หรือ ลุงชาญณรงค์ โชเฟอร์รถแท็กซี่ที่ตกเป็นเหยื่อกระสุนเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2553 บริเวณ ถ.ราชปรารภ ที่เดินหน้าถึงขั้นส่งให้อัยการพิจารณาได้แล้ว

แม้คดีนี้จะยืดเยื้อและเสียเวลากว่า 1 ปี แต่ก็พอจะรับรู้ได้ว่าเหตุสำคัญคือ "เกียร์ว่าง" ของผู้เกี่ยวข้อง เนื่องจากอยู่ใต้อำนาจของรัฐบาลที่ส่งทหารออกมาปราบประชาชน จึงยากยิ่งกว่ายากที่จะหาความเป็นธรรมตราบใดที่รัฐบาลชุดเก่ายังเรืองอำนาจอยู่

แต่มาวันนี้เมื่อมีรัฐบาลใหม่ และให้ดำเนินการไปตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏ ทำให้ข้อมูลและหลักฐานต่างๆ ที่ซุกเอาไว้ หรือถูกมองข้ามจึงถูกนำออกมาปัดฝุ่น รวมถึงข้อมูลจาก "ทหาร" ที่ออกมาพูดชัดเจนถึงกระบวนการตามกฎหมาย ที่ทำให้ทหารต้องเข้ามาอยู่ในเมืองและเผชิญหน้ากับม็อบซึ่งเป็นคนไทยด้วยกัน

ทั้งที่ตามข้อเท็จจริงแล้วทหารไม่มีอำนาจในเขตเมือง จะออกมาได้ก็ต้องมีคำสั่งชัดเจนของผู้บังคับบัญชาเท่านั้น และผู้บังคับบัญชาที่ออกคำสั่งให้ทหารถือปืนออกมาปราบม็อบ ก็คือรัฐบาลในสมัยนั้นซึ่งใช้อำนาจของ "ศอฉ."

ในส่วนของคดีลุงชาญณรงค์ ซึ่งเป็นคดีแรกที่ส่งให้อัยการพิจารณาได้ เพราะมีพยานหลักฐานชัดเจนถึงการตายโดยผิดธรรมชาติ พยานปากสำคัญคือ "นายนิก นอสติทซ์" ผู้สื่อข่าวและช่างภาพอิสระชาวเยอรมัน ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์และบันทึกภาพนาทีชีวิตไว้อย่างละเอียด

ด้วยบทบาทของ "สื่อ" ต่างชาติ ที่ไม่มีส่วนได้เสียกับทั้งม็อบหรือทหาร ทำให้น้ำหนักในคำให้การยิ่งน่าเชื่อถือมากขึ้น

-บทบาท"นิก นอสติทซ์"

ชื่อของ "นิก นอสติทซ์" เป็นที่สนใจของสื่อไทย เมื่อครั้งเดินขึ้นสน.พญาไท ในวันที่ 17 มิถุนายน 2553 ตามหาชายในภาพถ่ายถือหนังสติ๊กหลบอยู่หลังยางรถยนต์ บริเวณ ถ.ราชปรารภ ยิงสู้กับทัพทหารที่ดาหน้าเข้ามาพร้อมอาวุธสงครามเต็มอัตราศึก

ช่างภาพอิสระชาวเยอรมัน ระบุว่าอยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าวตั้งแต่แรก โดยได้สัมภาษณ์ชายสูงวัยรายนั้นและเพื่อนๆ อีกหลายคน กระทั่งเกิดเหตุทหารลุยเข้ามาปราบ และเห็นชายในภาพถูกทหารยิงใส่ได้รับบาดเจ็บ จนช่วยประคองหนีห่ากระสุนเข้าไปหลบในห้องน้ำปั๊มน้ำมัน ก่อนปีนข้ามกำแพงเข้าไปในบ้านหลังหนึ่งเพื่อซ่อนตัว สิ่งสุดท้ายที่เห็นคือชายคนดังกล่าวถูกทหารลากขึ้นรถหายไป!??

ตำรวจช่วยตรวจสอบก่อนได้รับการยืนยันจากชายดังกล่าวชื่อนายชาญณรงค์ พลศรีลา อาชีพขับรถแท็กซี่ และเสียชีวิตไปแล้ว!!! พร้อมกันนี้ตำรวจขอบันทึกคำให้การในเบื้องต้นฐานะพยาน

นอกจากนี้ในห้วงเวลาต่อมา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ชี้แจงต่อสื่อมวลชนต่างชาติถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น "นิก นอสติทซ์" สอบถามถึงปฏิบัติการทางทหารต่อผู้ชุมนุมที่ราชปรารภ นายอภิสิทธิ์ตอบเลี่ยงๆ เพียงว่าหากมีข้อมูลก็ให้ไปเป็นพยานในเรื่องนี้

"นิก นอสติทซ์" ไปให้ปากคำกับทั้งตำรวจ และดีเอสไอ ที่รับคดีนี้มาทำ จนต่อมาดีเอสไอ สรุปคดีฆ่า 91 ศพที่เกิดขึ้น โดยมี 13 ศพที่มีหลักฐานเชื่อได้ว่าตายเพราะการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ รวมทั้งกรณีลุงชาญณรงค์ ด้วย

"นิก นอสติทซ์" ถูกเชิญไปให้ปากคำในฐานะพยานอีกหลายครั้ง โดยเฉพาะเมื่อตำรวจตั้งชุดสอบสวนพิเศษขึ้นมาเพื่อทำคดีชุดนี้โดยเฉพาะ

- เปิดคำให้การนาทีเลือด

"นิก นอสติทซ์" ให้การถึงการตายของลุงชาญณรงค์ หลายครั้งและหลายวาระ รวมทั้งเขียนบทความเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเผยแพร่ตามสื่อต่างๆ อีกหลายครั้งด้วยกัน

ช่างภาพอิสระชาวเยอรมัน มาทำข่าวและบันทึกภาพการชุมนุม ของเสื้อแดงตั้งแต่แรก ก่อนเกิดเหตุรุนแรงเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 และเกิดเหตุร้ายขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีเสื้อแดงถูกยิงตายราวใบไม้ร่วง

กรณีลุงชาญณรงค์ นั้น "นิก นอสติทซ์" ให้การว่าประมาณบ่ายสามโมงวันที่ 15 พฤษภาคม 2553 เข้าไปทำข่าวในพื้นที่ราชปรารภ เพราะ คิดว่าบริเวณนั้น คงไม่มีเหตุการณ์รุนแรงมากนัก เพราะมีผู้ชุมนุมไม่เยอะ

ช่วงที่ "นิก นอสติทซ์" เดินทางไปถึงยังไม่มีเหตุการณ์อะไรรุนแรง ผู้ชุมนุมในพื้นที่มีไม่มากนัก จึงเดินสำรวจเพื่อตรวจสอบว่ามีทหารอยู่จุดไหนและมีผู้ชุมนุมจุดไหน

เขาพบว่าบริเวณปากซอยรางน้ำมีทหารตั้งบังเกอร์ จากนั้นเขากลับมาประจำบริเวณหน้าปั๊มเชลล์ ริมถนนราชปรารภ ใกล้กับผู้ชุมนุมกลุ่มหนึ่งซึ่งมีอยู่ไม่กี่คน โดยหนึ่งในนั้นคือลุงชาญณรงค์

เวลาใกล้ๆ บ่ายสี่โมง ผู้ชุมนุมบางคนย้ายยางรถยนต์หลายสิบอัน มากองสุมเป็นด่านบริเวณหน้าปั๊มเชลล์ ผู้ชุมนุมรายหนึ่งได้โชว์หนังสติ๊ก แล้วบอกว่า "นี่ไงอาวุธที่เราจะเอาไปสู้กับทหาร"

ผู้ชุมนุมคนดังกล่าวคือลุงชาญณรงค์

"ประมาณบ่ายสี่โมง" ยังไม่ทันที่ผู้ชุมนุมจะตั้งยางรถยนต์เสร็จ กระสุนมาจากทิศทางที่ทหารตั้งบังเกอร์ เริ่มยิงและจากนั้นก็ยิงตลอดเวลาไม่หยุด

"นิก นอสติทซ์" ให้การว่าผู้ชุมนุมคนแรกๆ ซึ่งเป็นคนเดียวกับที่เอาหนังสติ๊กมาโชว์ ถูกยิงที่แขนและหน้าท้องอาการสาหัส

-ระบุชัดทหารยิงไม่หยุด

ช่างภาพชาวเยอรมันให้การว่าหลังเกิดปะทะ ก็รีบเข้าไปหลบบริเวณกำแพงปั๊มเชลล์ห่างจากจุดบังเกอร์ยางรถยนต์ของผู้ชุมนุมไม่มาก มีผู้ชุมนุมบางคนหลบอยู่ใกล้ๆ กับเขาพยายามโยนเชือกเข้าไปช่วยดึงผู้บาดเจ็บออกมา แต่ทำไม่สำเร็จ

การยิงไม่เคยหยุดลงเลยผู้ชุมนุมอีกคนหนึ่งพยายามคลานหนีออกมาจากแนวยางรถยนต์ เข้ามาหลบในปั๊มน้ำมันก็ถูกยิงที่ขาและไหล่

ประมาณสี่ถึงห้านาทีผู้ชุมนุมบริเวณแนวยางรถยนต์คนหนึ่งข้ามมาในปั๊มเชลล์ได้ อีกคนหนึ่งถูกยิงที่แขน หลังจากนั้นสักพักสองคนที่บาดเจ็บไม่มากวิ่งเข้ามาที่ปั๊มเชลล์ได้

"คนหนึ่งล้มลงและคลานต่อไปจนถึงที่ปลอดภัย ผมเกรงว่าเขาจะถูกยิงอีกเสียงปืนดังขึ้นตลอดเวลาไม่หยุด ผู้ได้รับบาดเจ็บสามคนหลบออกมาสำเร็จ ข้างหลังของปั๊มน้ำมันมีห้องสุขาซึ่งกลายเป็นโซนปลอดภัยชั่วคราว"

"นิก นอสติทซ์" ระบุว่าเสียงปืนยังยิงตามหลังไม่ยอมหยุด เขาวิ่งไปรวมกับผู้ชุมนุมบริเวณหน้าห้องสุขาห่างไปประมาณ 40 เมตร รู้สึกว่าถูกไล่ยิงขณะวิ่งหลบหนี

"ตั้งแต่ผมทำข่าวมาไม่เคยกลัวมากขนาดนี้ เพราะเขายิงไม่เลือกเลย"

หลังจากนั้นผู้บาดเจ็บและผู้ชุมนุมพยายามจะปีนกำแพงออกไปหลังห้องน้ำ เพราะทหารรุกคืบเข้ามายังพื้นที่ของผู้ชุมนุมหลังแนวยางรถยนต์แล้ว

"นิก นอสติทซ์" ให้การว่ามีเพื่อนสื่อมวลชนส่วนหนึ่งและผู้ชุมนุมปีนข้ามกำแพงปั๊มน้ำมันเข้าไปในพื้นที่บ้านหลังหนึ่ง ระหว่างนั้นเห็น ผู้ชุมนุมแบกร่างลุงชาญณรงค์เข้ามาที่ปั๊ม เขาจึงถ่ายภาพไว้ 2-3 รูป ก่อนปีนกำแพงตามเพื่อนๆ ไป ขณะที่ลุงชาญณรงค์ ถูกแบกข้ามกำแพงไปสำเร็จ

"นิก นอสติทซ์" ซึ่งทำข่าวในเมืองไทยมานานจนสามารถพูดและฟังภาษาไทยได้ดี เล่าว่าช่วงหลบอยู่หลังกำแพงได้ยินเสียงทหารวิ่งตามเข้ามาในปั๊มน้ำมัน มีเสียงด่าทอและเสียงเหมือนทำร้ายร่างกาย ได้ยินเสียงร้องขอชีวิตของผู้ชุมนุมด้วย

-ไม่ใช่ปะทะแต่ยิงฝ่ายเดียว

"นิก นอสติทซ์" ระบุว่าช่วงนั้นลุงชาญณรงค์ ที่ถูกยิงเข้าหน้าท้องและอีกหลายจุด หลบลงไปในบ่อบัวของบ้านดังกล่าว ส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด ว่าไม่ไหวแล้ว

"นิก นอสติทซ์" ให้การว่าช่วงนั้นหลบอยู่หลังพุ่มไม้ และตัดสินใจตะโกนออกไปว่าเป็นนักข่าวต่างชาติ ขอร้องว่าอย่ายิงเลยครับ ตะโกนอยู่สองสามครั้ง พร้อมชูมือขึ้นเหนือหัว

"เขาสั่งให้ผมเดินออกมา ผมเดินไปหาเขาและอธิบายว่าคนที่อยู่ในน้ำถูกยิงที่ท้องและแขนอาการสาหัส ทหารคนหนึ่งสั่งให้ดึงชายบาดเจ็บออกมาแต่ชายคนนั้นตัวใหญ่ทำให้ไม่สามารถช่วยได้คนเดียว ขณะที่พยายามดึงตัวเขาขึ้น ผู้บาดเจ็บวิงวอนด้วยเสียงอ่อนว่าเขาทนไม่ได้แล้ว"

ขณะนั้นทหารอีกส่วนปีนข้ามรั้วมาได้ และด่านายชาญณรงค์อย่างหยาบคายว่า "ทำไมถึงไม่ตาย" แล้วสั่งให้ตนช่วยดึงนายชาญณรงค์ขึ้นมาจากบ่อบัว แต่ดึงไม่ไหว

"ผมขอให้ทหารคนหนึ่งมาช่วยผมดึงคนเจ็บเพื่อไปส่งโรงพยาบาล แต่ทหารคนนั้นตะโกนว่าผู้ชายบาดเจ็บสมควรตายและไม่สนใจช่วยเหลือ จนมีทหารคนที่สองเข้ามาช่วยผมดึงตัวลุงชาญณรงค์ขึ้นจากนั้น ขณะที่ทหารคนแรกยังตะโกนไม่หยุดว่า คนเหล่านี้สมควรตาย"

ทหารสั่งให้นำเปลมาช่วยคนเจ็บออกไป และสั่งไม่ให้ถ่ายรูป

"นิก นอสติทซ์" ระบุอีกว่าภายในบ้านหลังนั้นมีทั้งผู้ชุมนุมและผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ผู้สื่อข่าวไทย นักข่าวของ Spiegel, ทีมช่างภาพจากอินโดนีเซีย, ช่างภาพท้องถิ่นที่ทำงานให้กับ ABC News

ผู้ชุมนุมหลายคนที่อยู่กับพวกเรากลายเป็นคนขับรถจำเป็น เพราะเราต้องการรักษาชีวิตพวกเขา จึงอ้างกับทหารว่าเป็นคนขับรถ

"ทหารไทยทำผิดกฎและขาดระเบียบวินัย ผู้ชุมนุมยังไม่ทันได้ทำอะไร ไม่ได้ต่อสู้ พวกเขามือเปล่า แต่ทหารยิง ทหารทำผิดกฎของเขาเอง ทหารไม่ได้ทำตามขั้นตอนจากเบาไปหาหนัก เขาไม่ได้ยิงแก๊สน้ำตา เขาไม่ได้ใช้กระสุนยาง แต่ใช้กระสุนจริงและยิงไม่หยุด"

"ผมจะยอมรับได้หากวันนั้นมีการยิงปะทะ แต่การยิงเกิดขึ้นฝ่ายเดียวจากฝ่ายทหารเท่านั้น ผู้ชุมนุมมีจำนวนไม่มาก สองมือเปล่า ไม่มีอาวุธ ผมไม่ต้องการเห็นใครสักคนตาย ไม่ว่าจะเป็นทหารหรือผู้ชุมนุม แต่ผู้ชุมนุมเหล่านี้ไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย ไม่ใช่ชุดดำ เขาเป็นผู้ชุมนุม"

จากคำให้การและบันทึกของ "นิก นอสติทซ์" ย่อมชัดเจนในตัวของมันเองอยู่แล้วว่า เหตุใดคดีลุงชาญณรงค์ จึงเป็นคดีแรกที่ขึ้นสู่การพิจารณาของอัยการ และใครต้องรับผิดชอบต่อการออกคำสั่งให้ทหารเข้ามาปฏิบัติภารกิจในเมือง จนเกิดเหตุรุนแรงขึ้น!??

วันอังคารที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2555

สุดยอดไปเล้ย ก้อคุณพี่ทิศใต้นะสิคะ บอกไม่กลับบ้านก็ได้ทุกวันนี้สบายดี

@ 4 ข้อเสนอนิติราษฎร์ "ลบล้างผลพวงรัฐประหาร 19 กันยา"
@ "วรเจตน์" ฝ่าศึกสหบาทา: ร้องว่าผมเนรคุณ แต่คุณยืนให้สูงเพื่อบอกว่าจงรักภักดี โดยเหยียบหัวผมขึ้นไป
@ 027 Pictures...Bangkok Underwater 26 October 2011
@ 029 ชมภาพชุด! นายกฯปูลงเรือเยี่ยมประชาชนเขตดอนเมืองที่ถูกน้ำท่วมขัง...และภาพสวยๆจากสื่อมะกัน
@ ชมภาพสวยๆทั้ง 3 ชุด บาหลี-ต้อนรับฮิลลารี-บันคีมูนที่ทำเนียบฯ
@ ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน บรูไน, อินโดนีเซีย, กัมพูชา, ลาว, เมียนมาร์ ชุดที่1
@ ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน เวียดนาม ชุดที่2
@ ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน สิงคโปร์ ชุดที่3
@ ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน อินเดีย ชุดที่4
@ ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน ฟิลิปปินส์ ชุดที่5
@ ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์ร่วมประชุมที่สวิสเซอร์แลนด์ ชุดที่6
@ ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน มาเลเซีย ชุดที่7
@ ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือน ญี่ปุ่น ชุดที่8
@ ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์สวมชุดนักบินเหินฟ้าชมการใช้กำลังทางอากาศ
@ ภาพชุดนายกฯยิ่งลักษณ์เยี่ยมเยือนกองทัพไทย
@ ภาพชุดงานสโมสรสันนิบาต วันเฉลิมพระชนมพรรษา 5ธ.ค.2554
@ 81 ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร...‘ดรัมเมเยอร์-ไทยแลนด์แบนด์’
@ เมื่อผมไปอเมริกาครั้งแรกเมื่อเดือน มกราคมปี 1972.....ผมมีเงินติดตัวไป $80.00
@ 82 ชีวิตหมอที่ไม่ได้ไปอเมริกา By: kimeng suk
@ 54... "นายกฯปู" สวมชุดนักบินเหินฟ้าชมการใช้กำลังทางอากาศ
@ 82 ต้องรู้..ต้องรู้...ภาระหน้าที่"เมษายน"ทุกๆปี นะจ๊ะ!!
@ 55... มาร์คครับ หยุดใช้วาทกรรมแก้รัฐธรรมนูญทำให้สังคมเกิดความขัดแย้งเลยครับ
@ 11 "ปู"พา"ไปป์"ไปญี่ปุ่นด้วย ให้พี่เลี้ยงพาเที่ยวแทน
@ 84 คุณชวนนท์ครับ ออกมาดูโลกภายนอกบ้างเถอะครับ
@ 12 เคยเห็นมั้ย!! แมงสาปดิ้นใน"บ้านทรายทอง"กรุงโตเกียวญี่ปุ่นโน่น...
@ 80 สังคมไทยป่วย หรือเป็นผลผลิตจากการโฆษณาชวนเชื่อมาอย่างยาวนาน

คลิกที่ภาพ...เพื่อดูขนาดที่ใหญ่ขึ้น @ โหลดเก็บไว้ในcomเชิญคลิกที่นี่...


สุดยอดไปเล้ย ก้อคุณพี่ทิศใต้นะสิคะ บอกไม่กลับบ้านก็ได้ทุกวันนี้สบายดี
By: sarapaheylo

ฝ่ายค้านโจมตีว่าแก้ รัฐธรรมนูญเพื่อนำ‌ทักษิณกลับบ้าน

ผมมีวิธีกลับบ้านโดยไม่ต้องมาแก้รัฐธรรมนูญ‌เพื่อผมคนเดียว คนไม่ผิดกลัวอะไร วันนี้พรรค ‌พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยก้าวข้ามพ้นผม ไม่รู้เป็น‌ไรกลัวและแค้น มี 2 อย่าง ความจริงถ้าไม่กลัวผม‌จริงๆ อาจไม่แพ้ นี่กลัวผม ทำให้เกิด โลภ โกรธ ‌หลง พุทธศาสนาบอกว่าทำให้โง่

ผมเฉยๆไม่กลับก็ไม่เป็นไร

ไม่กลับบ้านก็ไม่เป็นไร



วันนี้ผมบอกได้เลยผมเฉยๆแล้ว อยู่เมืองนอก‌ผมก็สบาย แข็งแรงสดชื่นดี ไปไหนก็มีเครื่องบิน‌ส่วนตัว ไม่เดือดร้อน ไม่ให้ผมกลับก็ไม่เป็นไร เพียง‌แต่ว่าผมห่วงประเทศไปไหนก็คิดถึงประเทศ ว่าจะ‌ทำอย่างไรให้บ้านเมืองเจริญ เมื่อพวกเราเป็น‌รัฐบาลผมก็ส่งผ่านความคิดดีๆให้เขาได้ แค่นั้น‌เอง กลับก็ได้ ไม่กลับก็ได้ ในส่วนตัว ถ้าเห็นว่าผม‌เป็นประโยชน์ผมก็พร้อมไปทำงานให้บ้านเมืองใน‌ฐานะอะไรก็ได้ ประชาชนธรรมดาก็ได้ แต่ถ้าเห็น‌ว่าไม่เป็นประโยชน์ ไม่เอาผมกลับก็ไม่เป็นไร ผมมี‌บ้านอยู่หลายประเทศ ทุกวันนี้ผมก็ไม่ได้เดือดร้อน‌อะไร

รัฐบาลเพื่อไทยเข้ามาก็เดินทางง่ายขึ้น มี‌บทบาทมากขึ้น

ผมก็ไปแต่ละประเทศก็พบผู้นำประเทศเขา‌อย่างอินเดีย ไปจีนเขาก็ชวนกินข้าว ส่วนใหญ่‌เพื่อนเก่า คนที่น่ารักที่สุด 3 ประเทศคือ ท่าน‌สุลต่านบูรไน ท่านปูติน รัสเซีย ฮุนเซ็น กัมพูชา ‌ไม่ว่าสยามไหนก็เหมือนเดิม วันหนึ่งนัดพบกับท่าน‌ปูตินที่บ้าน พอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่าง‌ประเทศ(รัสเซีย) แจ้งให้ท่านทราบว่า กษิต‌ประท้วงมาทางการ ท่านเลยว่า อย่างนั้นเปลี่ยน‌นัดไปเจอกันที่ทำเนียบฯเลยก็แล้วกัน

กรี๊สสสสสส มันต้องได้อย่างนี้สิค่ะท่านท๊ากสิน.....

ใครสนใจฉบับเต็ม ตามไปอ่านได้ที่นี่ค่ะ คุณภาพคับๆๆๆจนจุกอกใครบางคนเลยหละ http://www.posttoday.com

สัญญาณปรองดองดีขึ้นทุกจุด
05 มีนาคม 2555 เวลา 09:20 น.

หมายเหตุ : เมื่อวันที่ 29 ก.พ.ที่ผ่านมา ตัวแทนกอง‌บรรณาธิการโพสต์ทูเดย์และบางกองโพสต์ นำโดยนายพิชาย ชื่นสุขสวัสดิ์ บรรณาธิการอำนวย‌การโพสต์ พับลิชชิ่ง ได้เดินทางไปสัมภาษณ์ พ.ต.ท.‌ทักษิณ ชินวัตร ที่เมืองดูไบ โอกาสนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ‌ได้แสดงวิสัยทัศน์หลายอย่างเกี่ยวกับการพัฒนา‌ประเทศ โดยมีรายละเอียดที่น่าสนใจดังนี้

พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่า ถ้าให้เสนอแนวทางการ‌แก้ไขปัญหาประเทศก็ต้องรับว่า การแก้ไขปัญหา‌น้ำท่วมน้ำแล้งสำคัญที่สุด

การจัดการปัญหานี้นอกจากจะเป็นการป้อง‌กันความเสียหายที่ต้องเกิดทุกปี มากน้อยก็แล้วแต่‌แล้วยังจะช่วยให้เกษตรกรมีรายได้ เพราะพื้นที่ๆ มี‌ระบบชลประทาน กับพื้นที่ๆ ไม่มีชลประทาน‌รายได้ผิดกัน 3 เท่า

จากนั้นก็เป็นการพลิกการพัฒนาประเทศด้วย‌การทำโครงการรถไฟความเร็วสูงและการขนส่ง‌ระบบราง ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นความเจริญของ‌ประเทศอย่างรวดเร็ว

โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงน่าจะเริ่มได้ตั้ง‌แต่ปีนี้โดยจะเริ่มสร้างสถานีส่วนหัวท้ายที่‌เชียงใหม่และ กทม.ก่อน พร้อมกับการเวนคืน‌ตลอดแนวซึ่งจะเป็นการเปิดหน้าเมืองใหม่ขึ้น‌หลายแห่ง พร้อมกันนั้นก็ควรขยายระบบการ‌ขนส่งของรถไฟฟ้าในกทม.ออกไปอีก

ต้องทำโครงการถมทะเลก็ขยายความแออัด‌ของกรุงเทพฯ

ต้องแก้ไขปัญหาระบบราชการ เพราะการซื้อ‌ขายตำแหน่ง ทำให้ระบบเสีย ควบคุมยาก ต้อง‌แก้ไขวัฒนธรรมใหม่

เรื่องที่ 2 กฎหมายบางอย่างไม่เอื้ออำนวยให้‌พัฒนาอย่างรวดเร็ว ก็ต้องดูว่าทำอย่างไรจะ‌พัฒนาได้เร็วภายใต้กฎหมายที่เป็นสากล ไม่ใช่‌กฎหมายที่เกิดจากความระแวง

เรื่องที่ 3 คือการเมือง

ในส่วนของเรื่องการเมืองนั้นมีรายละเอียดที่‌น่าสวนใจหลายประการดังนี้

"พรรคเพื่อไทยถูกยุบมา 2 รอบ บุคลากรทาง‌การเมืองก็ลดน้อยลง ถ้า 111 ออกมาก็จะมีคนมา‌ช่วยผลักดันนโยบายต่างๆให้คล่องขึ้น ต้องยอมรับ‌ว่านายกฯ ขยัน จับประเด็นงานเก่ง แต่มือไม้ต้อง‌ฟิตด้วย ตอนนี้มือไม้ก็เริ่มฟิตขึ้นบ้างแล้ว"

หมายถึงต้องปรับ(ครม.)

ฟังนายกฯก็ไม่ปรับเร็วมั๊งเพราะว่าไปด้วยกัน‌ได้ดี อาจให้เป็นที่ปรึกษา หรือช่วยงานอย่างเปิด‌เผยได้บ้างเพราะไม่ผิดกฎหมายแล้ว คงไม่ได้‌เปลี่ยนรัฐมนตรีทั้งหมด

ไม่ใช่ 111 มาแล้วต้องเปลี่ยนหมดไม่ใช่

จะซ่อมจุดอ่อนก่อน

ใช่ครับจะต้องซ่อมจุดอ่อน

ประเมินแล้ว ครม.ชุดนี้ อ่อนสังคมหรือ‌เศรษฐกิจ

ต้องเสริมทุกอย่างเพราะ 6 ปีมานี้ประเทศไทย‌อ่อนลงไปเยอะ ต้องเสริมความเข้มแข็งให้กลับมา ‌วันนี้สำคัญคือต้องทำงานร่วมกันทั้งฝ่ายการเมือง‌และ ข้าราชการประจำ ต้องดูใจให้ข้าราชการ‌ประจำทำงานร่วมกันให้ได้ เพราะ ข้าราชการมี‌ข้อมูล มีความต่อเนื่องของการแก้ปัญหา ต้องไป‌ด้วยกัน

อ่านสัญญาณปรองดองอย่างไร?

ดีขึ้นนะ ทุกอย่างดีขึ้นหมดทุกจุด เหลืออยู่ที่‌เดียวพรรคประชาธิปัตย์ อย่างเรื่องโฟรซีชั่นนี่สุดๆ

ถ้าจะให้อยู่เมืองนอกต่อไปก็ปรับตัวได้แล้ว ที‌แรกนักข่าวออสเตเรี่ยนถ่ายรูป ผมหุ่นดีมาก เป็น‌ครั้งแรกที่เขาสัมภาษณ์แล้วผมตัดรูปถ่ายตัวเอง‌เก็บไว้ เพราะหุ่นอย่างนั้นจะไม่มีอีกแล้ว ตอนนั้น‌ก็ออกกำลังด้วย เครียดด้วย

ปีสองเริ่มเฉย ปีที่3 กลับบ้าน กลับมาก็รู้สึก‌นิดหน่อย 3 ปีหลังนี่เฉยๆ อยู่ตัวแล้ว


รัฐบาลเพื่อไทยเข้ามาก็เดินทางง่ายขึ้น มี‌บทบาทมากขึ้น

ผมก็ไปแต่ละประเทศก็พบผู้นำประเทศเขา‌อย่างอินเดีย ไปจีนเขาก็ชวนกินข้าว ส่วนใหญ่‌เพื่อนเก่า คนที่น่ารักที่สุด 3 ประเทศคือ ท่าน‌สุลต่านบูรไน ท่านปูติน รัสเซีย ฮุนเซ็น กัมพูชา ‌ไม่ว่าสยามไหนก็เหมือนเดิม วันหนึ่งนัดพบกับท่าน‌ปูตินที่บ้าน พอรัฐมนตรีว่ากากรระทรวงการต่าง‌ประเทศ(รัสเซีย) แจ้งให้ท่านทราบว่า กษิต‌ประท้วงมาทางการ ท่านเลยว่า อย่างนั้นเปลี่ยน‌นัดไปเจอกันที่ทำเนียบฯเลยก็แล้วกัน

เรื่องปรองดองนี้เป็นปัญหาใหญ่ คนระดับโลก‌ที่เข้ามาดูงานปรองดองในไทย ออกมาพูดกับผมว่า ‌เหนื่อย เพราะมี selfish สูง เขากล้าพูดกับผม‌อย่างนั้น

เรื่องที่ผมจะไปพูดที่เกาหลี จะบอกว่า มี research ของ มหาวิทยาลัยบอสตันบอกว่า capitalismบางแห่งสำเร็จบางแห่งล้มเหลว ‌และส่วนใหญ่ล้มเหลว มันมีองค์ประกอบหนึ่งที่‌เหมือนกันของประเทศที่สำเร็จคือมี nationalism ซึ่งคนไทยเข้าใจไม่ตรงกัน คนไทยส่วนหนึ่ง‌มองว่าเป็นระดับคลั่งชาติ ซึ่งอันตรายมาก เราไม่‌เข้าใจว่าองค์กรใหญ่ที่เราอยู่ด้วยต้องแข็งแรงซึ่ง‌จะทำให้เราอยู่ได้ แต่กลับบอกว่าเราต้องแข็งแรง‌ก่อนจึงจะทำให้องค์กรอยู่ได้

วันนี้ย้อนกลับมาว่าเราขัดแย้ง แค่ไม่ตีกันเรา‌ยังทำไม่ได้ แน่นอน มันเกิดมาจากการแข่งขันทาง‌การเมือง แล้วการเมืองเป็นเรื่องผลประโยชน์ แต่‌ถ้าเราเข้าใจว่า การแข่งขันแบบนักกีฬา แพ้ชนะก็‌ยังคุยกันได้ ไม่ใช่แพ้ชนะก็ต้องฆ่ากันไปข้างหนึ่ง ‌แล้วกติกาก็ต้องเป็นกติกา คนรักษากติกา ต้องเป็น‌กลาง บ้านเมืองถึงจะไปได้ เมื่อไหร่คนรักษากติกา‌ไม่เป็นกลาง ถ้าไม่เช่นนั้นอันตราย ไม่ใช่อันตราย‌เฉพาะช่วงเวลาการแข่งขัน แต่อันตรายระยะยาว ‌และการ restore ระบบด้วย

คนหนึ่งเห็นตัวอย่างว่า ผู้อาวุโสไม่เป็นธรรม ‌คนระบบล่างก็บอกว่างั้นเอาเงินดีกว่า วันนี้‌กระบวนการยุติธรรมเรามีปัญหา มันกินลึก ไม่ใช่‌แค่ one mission แล้วจบ วันนี้เราต้องทำยังไง‌ถึงจะเป่านกหวีดแล้วให้มาเริ่มต้นใหม่ ให้มาเอา‌บ้านเมืองเถอะ ให้แข่งกันด้วยที่เป็นธรรม กติกาที่‌เป็นธรรม แข่งจบก็จบ ไม่ใช่พอแข่งจบ ยังไม่ออก‌จากสนามเลย มาถึงห้องแต่งตัว แม๊ชใหม่ยังไม่เริ่ม ‌พวกแพ้ก็ควักปืนออกมาไล่ยิงแล้ว อย่างนี้ไปไม่ได้‌หรอก

ระบบที่ผ่านมามี defect บ้าง แต่หลังการ‌ปฏิวัติ เราไม่มีระบบตรวจสอบแล้ว ก็ใช้ระบบสั่ง‌การโดยไม่มีbalance of powerมีการshiftอำนาจจากฝั่งหนึ่งไปอีกฝั่ง เป็นอำนาจเก่าอำนาจ‌ใหม่ เลยไม่มีความเป็นธรรมตั้งแต่วันนั้น

แล้วการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะแก้ไขปัญหาได้‌ไหม

ถ้าแก้รัฐธรรมนูญใหม่ ก็ correct ปัญหาได้‌ระดับหนึ่ง แต่เราก็ไม่รู้ว่ารัฐธรรมนูญจะออกมา‌อย่างไร แต่ก็หวังว่าถ้า รัฐธรรมนูญมาจากตัวแทน‌ประชาชนจะคำนึงถึงความเป็นกลางมากขึ้น ถ้า‌รัฐธรรมนูญมีกติกาที่ดี ต่อไปก็ต้องคิดว่า แล้วคนที่‌จะมารักษากติกาจะยึดโยงกับประชาชนได้ไหม ถ้า‌ได้ ทุกคนก็จะยอมรับ ถ้าไม่ ยึดโยงแต่กับแกน‌อำนาจ ก็จะอยู่กับแกนอำนาจไม่อยู่กับประชาชน ‌ถ้ายึดโยงกับประชาชนแล้ววันนี้ทำไม่ดี วันนึงกลับ‌ไปหาประชาชน ประชาชนก็ไม่เอา

อย่าไปดูถูกว่าประชาชนโง่ ไม่มีการศึกษา

วันนี้มีหนังสือ the power of crowd ที่‌บอกว่าพลังการคิดร่วมกันของคนหมู่มาก accurate มากกว่าคนเดียวคิด วันนี้ต้องคิดว่าจะทำ‌ยังไงให้อำนาจประชาธิปไตยยึดโยงกับประชาชน‌ในทุกภาคส่วน ซึ่งจะทำให้กติกาทุกอย่างจะดีขึ้น‌เยอะ ไม่ 100% แต่จะดีขึ้นเยอะผมอยากเห็น รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้อำนาจ‌ทุกอำนาจยึดโยงกับประชาชนและมี check andbalance

แต่ก็มีข้อกล่าวหาว่า ปี 2540 ช่วงท่านเป็น‌ นายกฯก็ไปครอบงำองค์กรอิสระ

ปี 40 มีบกพร่องบ้าง ก็ต้องแก้ไขที่จุดบกพร่อง‌แต่รถยางแตกทำไมต้องเปลี่ยนรถทั้งคัน ถามว่า‌หลังจากผมออกมาแล้วครอบงำไหม ตั้งชัดๆ เลย ‌ว่าจะเอาไปนี่ไปจัดการมึง ว่าเขาต้องแก้สิ ทำให้ดี‌กว่าเขาสิ ไม่ใช่ว่าเขาแล้วทำแย่กว่าเขา แน่นอน nobody perfect ก็ว่าติติงแก้ไขปรับปรุง แต่ว่า‌เขาทำ 5 ตัวเองทำ 50 จะทำให้มากกว่า

แล้วมีที่ไหน ไม่มี due process of law ‌คนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดเลยถูกลงโทษ ‌บรรดาคนที่นั่งเป็นหัวหลักหัวตอ 9 คน ไม่คิดหรือ‌ว่าวันหนึ่งจะไปอยู่ในสังคมยังไง กล้าใช้กฎหมาย retroactive ไม่มี principle อันนี้เลยทำให้‌เสื่อม ถ้ามี principle เอียงนิดหน่อยก็ไม่น่า‌เกลียด นี่ principle ไม่มีเลย หัก principle จากซ้ายไปขวาเลยสิ่งเหล่านี้ทำให้แย่ไปทุกอย่าง

ถ้าจะเปลี่ยนขั้วอำนาจต้องเปลี่ยนโดย‌ประชาชนดีที่สุด ไม่ใช่บอกว่าตัวเองไม่ชอบ ทำไม‌ประชาชนชอบอยู่ได้ งั้นตกลงเราไม่ต้องฟัง‌ประชาชนใช่ไหม งั้นเปลี่ยนระบบเสียเลยให้ชัด‌เลย ถ้าเราบอกว่าเราเป็นประชาธิปไตยก็ต้อง‌ประชาธิปไตย อย่าหลอกคนทั้งโลก จะเป็นพม่า‌เป็นอะไรก็ว่าไป แต่ที่พูดนี้ทุกวันนี้ดีขึ้นเรื่อยๆแล้ว‌นะ

ต้องอดทนกันอีกนิด

แล้วเรื่ององค์กรอิสระจะเป็นอย่างไร

องค์กรอิสระ ไม่ใช่แต่งตั้งจากใครก็ไม่รู้มา 8-9 คนแล้วสามารถปลดนายกฯที่ประชาชนเลือกมา 10 กว่าล้านคนได้ง่ายๆ บางทีเป็นเรื่องบริหาร‌ธรรมดาก็ต้องกรรมการสอบ มีมูลชี้มูล ผมว่ามัน‌เป็นปาหี่ มันไม่ใช่กติกา ต้องดูว่าคนเหล่านี้เป็น‌ใครยึดโยงกับประชาชนไหม ต้องถูกตรวจสอบถ่วง‌ดุลด้วยไหม เหมือน ปปช. ตรวจคนอื่นหมด แต่‌ตัวเองถูกตรวจไม่ได้ ปปช. ก็ต้องแสดงบัญชี‌ทรัพย์สินด้วย ต้องเอาให้ชัด ต้องให้โปร่งใส ไม่ใช่‌บางองค์กรมีอำนาจล้นฟ้า แต่ไม่ต้องรับผิดชอบ‌อะไรเลย

องค์กรอิสระเหล่านี้ควรมีอยู่ต่อไป

องค์กรพวกนี้ควรมีอยู่ แต่ต้องปรับปรุงเรื่อง‌การตรวจสอบถ่วงดุล เรื่องการยึดโยงอำนาจอยู่‌กับประชาชน เช่นมาจากประชาชนโดยตรง หรือ‌การคัดสรรจากหน่วยงานใดที่ยึดโยงกับอำนาจ‌ประชาชน

เรื่องยึดโยงประชาชนนี่ เถียงกันมาก อย่าง‌ตั้งประธานศาลฎีกานี่ต่อไปต้องมาขอการรับรอง‌จากสภาไหม

ผมขออนุญาตไม่พูดอะไรเป็นการชี้นำ ‌รัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ได้เป็นการแก้ทั้งฉบับไม่มีการ‌แก้ไขหมวดพระมหากษัตริย์ หมวดอื่น สสร.ไปยก‌ร่างมา รับบาลพูดชัดว่าจะไม่แตะหมวดนี้

หมายถึงจะยกเอามาใส่ไว้ทั้งหมด

หมวด 2 อยู่อย่างเดิม ที่เหลือแก้ไขอะไรก็แก้ไป‌เลย ตาม สสร.ว่า

แต่ศาลยุติธรรมทำงานในนาม‌พระปรมาภิไธย

หลักเกณฑ์พวกนี้อย่างนี้ครับ อาจมีการเสนอ‌ผ่านสภาก็ได้ ผมไม่ชี้นำนะ อย่างไรก็ได้ แต่สภานี้‌คือ สภา เหมือนต่างประเทศ endorse จากสภา ‌มีกระบวนการของเขาแล้วมาขอรับรอง ไม่รู้นะ ‌อันนี้ผมชี้นำไม่ได้ แล้วแต่ตกลงกันเอง เพียงแต่‌ต่างประเทศเป็นแบบนี้

ไม่แก้หมวดพระมหากษัตริย์ก็ลดความร้อน‌แรงลงไปครึ่ง

แน่นอน

แต่คนอาจจะวิจารณ์เรื่องกระบวนการได้ ‌เลือกตั้งตรงอาจจะครอบงำจากพรรคการเมือง 22 คนก็ไม่ได้เป็นตัวแทนจากวิชาชีพต่างๆที่มาก‌พอ

กรรมาธิการมี 45 คน พรรคเพื่อไทยมี 19 ก็‌เป็นเรื่องที่ไม่สามารถครอบงำได้ กรรมาธิการไป‌คิดกันเองแต่ละพรรคก็มีจุดยืนไปแล้วไปถกเถียง‌กัน บางครั้งเราอย่าไปวิตกกังวลมากเกิน ต้องหัด‌เชื่อใจคนอื่นบ้าง เมื่อมีทุกฝ่ายแล้วก็ถกเถียงกัน ‌แต่เอาอย่างนี้ดีกว่า ออกมายะงไงก็ดีกว่า 50 มัน‌มีพัฒนาการของมัน อะไรไม่เสียก็อย่าซ่อม แต่มัก‌ชอบไปซ่อมของไม่เสีย

ถ้าจะมีการแก้ไขอะไรอย่าหักดิบ หักดิบไม่ดี ‌ หักน้ำใจกัน


ฝ่ายค้านโจมตีว่าแก้ รัฐธรรมนูญเพื่อนำ‌ทักษิณกลับบ้าน

ผมมีวิธีกลับบ้านโดยไม่ต้องมาแก้รัฐธรรมนูญ‌เพื่อผมคนเดียว คนไม่ผิดกลัวอะไร วันนี้พรรค ‌พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยก้าวข้ามพ้นผม ไม่รู้เป็น‌ไรกลัวและแค้น มี 2 อย่าง ความจริงถ้าไม่กลัวผม‌จริงๆ อาจไม่แพ้ นี่กลัวผม ทำให้เกิด โลภ โกรธ ‌หลง พุทธศาสนาบอกว่าทำให้โง่

ผมเฉยๆไม่กลับก็ไม่เป็นไร

ไม่กลับบ้านก็ไม่เป็นไร

วันนี้ผมบอกได้เลยผมเฉยๆแล้ว อยู่เมืองนอก‌ผมก็สบาย แข็งแรงสดชื่นดี ไปไหนก็มีเครื่องบิน‌ส่วนตัว ไม่เดือดร้อน ไม่ให้ผมกลับก็ไม่เป็นไร เพียง‌แต่ว่าผมห่วงประเทศไปไหนก็คิดถึงประเทศ ว่าจะ‌ทำอย่างไรให้บ้านเมืองเจริญ เมื่อพวกเราเป็น‌รัฐบาลผมก็ส่งผ่านความคิดดีๆให้เขาได้ แค่นั้น‌เอง กลับก็ได้ ไม่กลับก็ได้ ในส่วนตัว ถ้าเห็นว่าผม‌เป็นประโยชน์ผมก็พร้อมไปทำงานให้บ้านเมืองใน‌ฐานะอะไรก็ได้ ประชาชนธรรมดาก็ได้ แต่ถ้าเห็น‌ว่าไม่เป็นประโยชน์ ไม่เอาผมกลับก็ไม่เป็นไร ผมมี‌บ้านอยู่หลายประเทศ ทุกวันนี้ผมก็ไม่ได้เดือดร้อน‌อะไร

แล้วความสัมพันธ์กับทหาร เรื่องเปลี่ยน‌กฎหมายกลาโหมจะเป็นอย่างไร

จริงแล้วไม่มีอะไร ความจริงกติกาเขียนยังไงก็‌ได้ มันอยู่ที่คุยกัน ถ้าคุยกันรู้เรื่องก็ไม่มีอะไร

ไม่จำเป็นต้องแก้ไขพ.ร.บ.ระเบียบบริหาร‌กระทรวงกลาโหม

กฎหมายเดิมก็ดีอยู่แล้ว ถ้าคุยกันรู้เรื่องก็ไม่‌มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนอะไร คุยกันแบบพี่ๆ ‌น้องๆ ก็ไม่มีปัญหา แล้วทหารก็เป็นคนที่คุยรู้เรื่อง ‌คือทหารต้องการอยู่ 2 อย่าง คือ 1 อย่าแตะต้อง‌สถาบันพระมหากษัตริย์ อย่างที่ 2 อย่ารังแกเขา ‌แค่นั้น ไม่มีอะไร ถ้าจะมีการแก้ไขอะไรต้องมีการ‌พูดคุยกัน ไม่ใช่ไปหักดิบ

แม้ไม่แก้รัฐธรรมนูญหมวดพระมหากษัตริย์‌mแล้วเรื่องแก้มาตรา 112 จะเป็นอย่างไร

อยู่มา 50 กว่าปีไม่มีปัญหาเลย มามีปัญหาหลัง‌การปฏิวัติ เพราะมีคนเอาไปใช้เพื่อประโยชน์ทาง‌การเมือง ถ้าจะบอกว่าจงรักภักดี ไม่ใช่ พระเจ้า‌อยู่หัวเคยรับสั่งกับผมตอนเป็นนายกฯ แล้วผมจะ‌ใช้มาตรา 112 เพราะมีคนพูดจาไม่ดีกับสถาบัน ‌ยังทรงรับสั่งว่าอย่าไปยุ่งกับเขาเลย ไม่ทรงเห็น‌เรื่องเล็กน้อยนี้เป็นเรื่องใหญ่โตเลย แต่มีคนเอามา‌ใช้แล้วสร้างกระแสว่า จงรักภักดีต้องใช้มาตรานี้‌มากๆ จน excessive ใช้มากเกินไปและใช้ไม่‌เหมาะสม จึงเกิดคำถามว่ามาตรา 112 มีปัญหา‌หรือเปล่า จริงๆ มาตรานี้ไม่มีปัญหาแต่เป็นปัญหา‌ที่วิธีการใช้ วิธีการปฏิบัติ การนำไปใช้ แต่ก่อนจะ‌มีคณะกรรมการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ‌พิจารณาว่า จะใช้มาตรานี้ในคดีใดหรือไม่ แต่ตอน‌หลังใช้พร่ำเพรื่อแต่จริงๆกฎหมายไม่ได้เป็นปัญหา‌เลย

นิติราษฎร์ก็โยงถึงเพื่อไทย

สังคมไทยมันก็โยงกันหมดแหละ ทั้งที่ความ‌จริงไม่เกี่ยวเลย ถ้าทุกคนมี professionalism คือหมายความว่าเข้าใจหลักจริยธรรมของตัวเอง‌มันก็ไม่มีอะไร แต่เดี๋ยวนี้มันมีการกล่าวหากันไป‌หมด กล่าวหากัน สามารถกล่าวหาอะไรก็ได้ เรื่อง‌โกหกก็ได้แล้วก็ไม่ต้องรับโทษ รับผิดชอบอะไร ทำ‌ให้การกล่าวหาพวกนี้ได้โมเมนตัมมาเรื่อย โดย‌เฉพาะสื่อ คนพูดลบ พาดหัวเลย พูดสร้างสรรค์ไม่‌ลง ทำให้คนอยากดังพูดโกหก กล่าวหากันอย่างไม่‌อาย

ไม่มีอะไรเป็นเรื่องวิธีคิดที่ต่างกันมากกว่า ‌ของนิติราษฎร์ เขาเห็นว่า ถ้าไม่แก้มันจะเสียหาย‌มากกว่า คือแก้ไขในที่นี้คือแก้เรื่องใครเป็นผู้ฟ้อง‌มากกว่า อาจกำหนดให้แคบลง มีคนหนึ่งเป็น‌หม่อมราชวงศ์ ยังโทรบอกกับรัฐบาลว่าอยากให้แก้ 112 ในแง่จำกัดคนที่จะฟ้องได้ ไม่ใช่ทั่วไปซึ่งก็‌เป็นความปรารถนาดี แต่ก็ต้องดูว่ามันควรต้องแก้‌ไหม ที่ผ่านมาไม่ต้องแก้เลย อยากมากก็มาดูเรื่อง‌วิธีการปฏิบัติมากกว่า ผมยืนยันว่าไม่ใช่ตัวเนื้อ‌กฎหมายมีปัญหา แต่มีปัญหาเรื่องคนเอาเรื่องนี้มา‌ใช้ประโยชน์ทางการเมือง

คิดว่าไม่ควรแตะเรื่องนี้

ไม่ควรแตะเลย

*